ศูนย์ข่าวศรีราชา - “สนธยา” ลั่นฟ้องกลับ 2 อดีตข้าราชการระดับสูงเมืองพัทยา กล่าวหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หลังศาลอาญายกฟ้องปมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงคู่กรณีอนุญาตเอกชนใช้ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายเปิดให้บริการเรือข้ามฟากพัทยา-หัวหิน โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จากกรณีที่ นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา ถูกอดีตปลัดเมืองพัทยา และอดีตนิติกรชำนาญการ กองการเจ้าหน้าที่เมืองพัทยา ฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 กล่าวหาว่าในปี 2562 ขณะดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทั้งตนเองทั้ง 2 ราย กรณีอนุญาตให้บริษัท รอยัล พาสเสนเจอร์ ไลเนอร์ จำกัด ใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย โดยการเช่าพื้นที่เปิดให้บริการเรือข้ามฟากเส้นทางพัทยา-หัวหิน อย่างไม่ถูกต้อง ทั้งยังสั่งพักราชการเพื่อให้การสอบสวนดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย
และในวันที่ 26 ก.ย.2562 นายสนธยา ยังได้แต่งตั้งให้นายสุธรรม เพ็ชรเกตุ เป็นผู้รักษาราชการแทนปลัดเมืองพัทยา แทนอดีตปลัดเมืองพัทยาที่ถูกสั่งพักราชการ จนถูกคู่กรณีฟ้องร้องศาลอาญาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและทราบอยู่แล้วว่ากระทำเป็นไปโดยไม่มีอำนาจ ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้ง 2 ราย
สุดท้ายในวันที่ 6 ก.ย.2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษายกฟ้องในประเด็นการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนการทุจริต โดยถือว่า นายสนธยา กระทำตามอำนาจหน้าที่ของนายกเมืองพัทยา และเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนับเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายทุกประการนั้น
วันนี้ (20 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงคู่กรณีทั้ง 2 ราย หลังได้รับการร้องเรียนจาก DSI และจังหวัดชลบุรี เป็นไปตามกฎระเบียบและกฎหมายที่ต้องทำการสืบสวนข้อเท็จจริงว่าคู่กรณีทั้ง 2 รายกระทำการดังกล่าวในเบื้องต้นจริงหรือไม่
และเมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทราบว่า เรื่องที่ได้รับการร้องเรียนมีมูลเหตุข้อเท็จจริง จึงต้องตั้งกรรมสอบวินัยร้ายแรงตามระเบียบและพิจารณาไปตามขั้นตอน จนมีคำสั่งไล่ออกตามมติของคณะกรรมการ
“ทั้งนี้เมื่อผู้ที่ถูกไล่ออกฟ้องร้องผมและเมืองพัทยา ได้มีการชี้แจงไปตามขั้นตอนกฎหมายต่างๆ กระทั่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องผมในทุกข้อกล่าวหา แสดงให้เห็นว่าหากเราดำเนินการตามบรรทัดฐานตามระเบียบตามข้อกฎหมาย โดยไม่มีเจตนาใดๆแอบแฝงข้อเท็จจริงจะเป็นเครื่องยืนยันในการทำงาน”
นายสนธยา ยังเผยอีกว่า จากนี้ไปจะเป็นการฟ้องกลับคู่กรณี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและเป็นไปตามสิทธิขั้นพื้นฐานของกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง