กำแพงเพชร - ตำรวจคลองขลุง-จนท.พิสูจน์หลักฐานนำตัวพ่อโหดทำแผนฯ ซ้อม-จับลูกชายวัย 6 ขวบทุ่มลงกับพื้นที่จนเสียชีวิต ก่อนนำศพขึ้นรถ จยย.ทิ้งอำพรางลงน้ำปิง พร้อมเก็บ DNA ประกอบสำนวนคดี เผยนาทีสุดสลดรอยเลือดเปื้อนที่นอน-หมอน
วันนี้ (20 ก.ย. 65) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองขลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ได้นำตัวนายกรกช หรือนายบอล อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นพ่อผู้ก่อเหตุฆ่าน้องนิค ลูกชายวัย 6 ขวบ ก่อนนำศพขึ้นรถจักรยานยนต์ทิ้งอำพรางลงแม่น้ำปิง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในห้องเช่า หมู่ที่ 2 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐาน พฤติกรรมการทำร้าย และ DNA ผู้ก่อเหตุไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบริเวณภายใน
ด้านญาติได้รับร่างของน้องนิค เด็กชายผู้เสียชีวิต มาจากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพรหมประดิษฐ์ ต.แม่ลาด อ.คลองขลุง
ทั้งนี้ นางสาวทองหยิบ มรกต ย่าของน้องนิค อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า นายบอล ผู้ก่อเหตุ มีลักษณะนิสัยเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดเวลามีปัญหาอะไรก็ไม่เคยบอกหรือเล่าให้แม่ฟัง ที่ผ่านมาตนทราบว่าลูกชายและภรรยาเคยมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง เนื่องจากมีรายได้น้อย ทำงานหาเงินไม่พอจุนเจือครอบครัว ภรรยาก็เคยหนีไปหลายครั้ง แต่นายบอลก็ยังไปตามกลับมาอยู่ด้วยกันอีก
“พอรู้ว่าลูกชายมีพฤติกรรมทำร้ายภรรยาและหลาน แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงถึงชีวิต เมื่อถามลูกก็ตอบว่าตีเพราะลูกดื้อ ซน และชอบทำลายข้าวของคนอื่นเสียหาย”
ส่วนที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่าน้องนิคเป็นลูกแท้ๆ ของนายบอลหรือไม่ นางสาวทองหยิบบอกว่าตนเองก็ตอบไม่ได้ แต่นายบอลไม่เคยพาไปไหนมาไหนด้วย ไม่เคยพูดถึง และไม่ส่งเสียให้เรียน ซึ่งตนคิดว่าผิดวิสัยของคนเป็นพ่อลูกกัน แต่ในสิ่งที่ลูกตนเองได้กระทำลงไปตนคิดว่าไม่สมควร เพราเด็กไม่ได้มารับรู้ปัญหาของผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ก็ไม่ควรมาลงกับเด็ก
ส่วนสาเหตุตนคาดว่าน่าจะเกิดจากประเด็นแรกคือ ทะเลาะกับภรรยาแล้วภรรยาหนีไปมีคนอื่น ประกอบกับเด็กดื้อและซุกซน จึงทำให้เกิดความโมโหและลงมือทำร้ายจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว และหลังจากเสร็จงานศพของน้องนิค ตนยังคงดูแลหลานคนโตต่อไป ส่วนหลานคนเล็กวัย 5 ขวบ แม่ของเด็กแจ้งว่าจะรับไปอยู่ด้วยและเลี้ยงดูเอง
ด้านนายสรชัย สุโพธิ์ อายุ 48 ปี พ่อค้าร้านอาหารตามสั่งที่อยู่หน้าซอยห้องเช่าที่เกิดเหตุ เล่าว่า น้องนิค (ผู้ตาย) และน้องไนท์ น้องชายคนเล็ก เคยเดินมากัน 2 คน บอกว่าจะไปหาแม่ที่ทำงาน บอกว่า..หนูขอข้าวกินหน่อย หนูหิว ซึ่งสภาพการแต่งตัวเสื้อผ้ากางเกงขาดแต่งตัวมอมแมม ล่าสุดที่เห็นก็มากินข้าวที่ร้านกับแม่ของตนเองจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นเด็กทั้งสองไปไหนกับพ่อ มารู้อีกทีก็เกิดเหตุสลดดังกล่าวแล้ว
ขณะที่ น.ส.กิตติยา ศรีสุกล หรือโบว์ อายุ 18 ปี ชาว ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อนร่วมงานของแม่น้องนิคที่ไปแจ้งความ เล่าว่า ที่ผ่านมาตนมักจะมาเล่นกับน้องนิค ผู้เสียชีวิต และน้องไนท์ น้องชายวัย 5 ขวบ อยู่เป็นประจำเกือบทุกวัน โดยช่วยดูแลหาข้าวหาน้ำให้กิน
เมื่อวันที่ 18 กันยายนตนไม่เห็นน้องนิค จึงถามกับนายบอล พ่อของเด็ก ว่าน้องนิคหายไปไหน นายบอลบอกว่า.. ก่อนจะออกไปทำงานในช่วงเช้ายังเห็นเด็กทั้งสองคนนอนอยู่ในบ้าน ตอนนั้นตนไม่ได้เอะใจ จนกระทั่งในช่วงเย็นก็ยังไม่เห็นน้องนิค จึงได้เข้าไปดูที่บ้านและพบน้องไนท์ บอกกับตนว่า..พ่อซ้อมพี่นิค พ่อจับพี่นิคทุ่มพื้น และพาตนเข้าไปดูรอยเลือดบนที่นอนและหมอนที่มีผ้าห่มปิดคลุมไว้ ทำให้ตนคิดว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับน้องนิค จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา
น.ส.โบว์ยังเปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมานายบอลมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายภรรยาและลูกอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนมักจะเป็นคนคอยห้ามปรามอยู่เสมอ แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่นายบอลลงมือทำร้ายร่างกายน้องนิคจนเสียชีวิตคาดว่าน่าจะเกิดจากความเครียด ที่ภรรยาบอกเลิกแล้วหนีไป เพราะตั้งแต่ภรรยาไม่อยู่นายบอลก็ดื่มเหล้าเมาทุกวัน จึงอาจจะเป็นเหตุให้พลั้งมือซ้อมลูกจนถึงแก่ความตาย
ส่วนผู้เป็นแม่น้องนิค ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ เนื่องจากยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ และยังทำใจไม่ได้ต่อการจากไปของลูกและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น