กาฬสินธุ์ - กลุ่มเครือข่ายชาติพันธุ์ผู้ไทยอีสานเมืองน้ำดำและชาวบ้านฮือต้านโครงการของกองบิน 23 เปลี่ยนรันเวย์เป็นไร่อ้อย ร้องขอกองทัพอากาศหยุดพฤติกรรมลบประวัติศาสตร์ ร.๙ สนามบินเสรีไทย แฉทำหนังสืออนุญาตปลูกอ้อย 100 ไร่บนแผ่นดินประวัติศาสตร์อีสานศูนย์รวมใจพสกนิกรที่มีต่อพ่อหลวงไทย ระบุเป็นการย่ำยีหัวใจและทำลายแผ่นดินประวัติศาสตร์
เวลา 10.30 น. วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ทำการกองทุนหมู่บ้านนาคู หมู่ 1 ต.นาคู อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ตัวแทนของชาวบ้านในตำบลนาคู และใกล้เคียง ซึ่งเป็นชาติพันธุ์ชาวผู้ไทย นำโดยนายบำรุง คะโยธา อดีตแกนนำสมัชชาคนจน นางทักษิณ แจ่มพงศ์ นายก ทต.นาคู นายสังคม จิตจง กำนันตำบลนาคู พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน ชาวบ้านตั้งแต่อายุ 70 ปีลงมา รวมตัวกันเพื่อคัดค้านโครงการของกองทัพอากาศ โดยกองบิน 23 อุดรธานี ที่จะใช้สนามบินเสรีไทยเป็นแปลงปลูกไร่อ้อย
หลังเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ชาวบ้านได้พบนายทุนนำรถแบ็กโฮเข้ามาจอดภายในบริเวณสนามบินเสรีไทย และเตรียมลงมือปรับพื้นที่ของสนามบินเสรีไทยแห่งนี้เป็นแปลงปลูกอ้อยจำนวน 100 ไร่ จากนั้นได้รวมตัวกันคัดค้าน แสดงจุดยืนในการปกป้องสนามบินเสรีไทย ร่วมกันชูป้าย คัดค้าน และขอให้กองทัพอากาศยกเลิกโครงการแปลงสนามบินเสรีไทยเป็นแปลงปลูกอ้อยดังกล่าว
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่พบเห็นรถแบ็กโฮดังกล่าวได้เข้าไปขัดขวาง ก่อนที่จะทราบข้อมูลว่าเจ้าของพื้นที่แห่งนี้คือกองทัพอากาศ (ทอ.) โดยมีหนังสือกล่าวอ้างอนุญาตให้ทำการปลูกอ้อย ชาวบ้านต่างไม่พอใจ เพราะเป็นการลบรอยประวัติศาสตร์ชาติไทย อีกทั้งยังเป็นการลบรอยที่ถูกจารึกไว้ตั้งแต่ยุค ผกค. ซึ่งจะกระทบต่อความรู้สึกและสภาพจิตใจ รวมทั้งสิ่งแวดล้อม เนื่องจากหากมีการปลูกอ้อยในสนามบินจริงๆ จะมีสารเคมีและสารพิษจากไร่อ้อยตกค้างและไหลไปยังห้วยมะโน ที่เป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคในเขตอำเภอนาคู
นายบำรุง คะโยธา อดีตแกนนำสมัชชาคนจน กล่าวว่า ตามที่ได้รับแจ้งจากเครือข่ายชาวผู้ไทยในเขต อ.นาคู และ อ.เขาวง ซึ่งเป็นชาติพันธุ์ผู้ไทย มีความรักและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ว่ามีหนังสือจากทหารอากาศ อนุญาตให้นายทุนเข้ามาปลูกอ้อยจำนวน 100 ไร่จากพื้นที่ทั้งหมดของสนามบินเสรีไทย 500 ไร่ ทำให้ตนและผู้ที่ทราบข่าวประหลาดใจมาก จึงได้ร่วมกับเครือข่ายชาติพันธุ์ผู้ไทย และผู้นำชุมชนมาพูดคุย ร่วมกันหาแนวทางคัดค้าน เพราะต่างก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะพื้นที่สนามบินเสรีไทยตรงนี้เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ทราบจากหนังสืออนุญาตดังกล่าวระบุว่าจะใช้เป็นที่ปลูกอ้อย เอาค่าเช่ามาเป็นเงินสวัสดิการช่วยเหลือสวัสดิการกองบิน ซึ่งไม่น่าจะหาวิธีการโดยให้เอกชนมาเช่าปลูกอ้อยเลย หากต้องการเงินสวัสดิการจริงๆ มีหลายวิธีที่จะหา หรือจะให้ชาวอำเภอนาคูทุกคนออกเงินช่วยก็จะง่ายกว่า ทั้งนี้ จะคัดค้านให้ถึงที่สุด
นางทักษิณ แจ่มพงศ์ นายก ทต.นาคู กล่าวว่า ชาวนาคูผูกพันกับสนามบินเสรีไทยมาหลายชั่วอายุตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อมาก็เป็นแหล่งอาหารชุมชน ชาวบ้านได้ไปหาอาหารตามฤดู เป็นแหล่งเลี้ยงสัตว์ หากมีการแปลงสภาพเป็นไร่อ้อยก็จะเกิดสารเคมีตกค้าง และถูกกระแสน้ำพัดพาลงสู่ห้วยมะโน เป็นอันตรายต่อสุขภาพชาวบ้านได้ ที่ผ่านมาส่วนราชการเคยขอใช้ประโยชน์จากสนามบินเสรีไทยประมาณ 27 ไร่ เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลนาคู ต่อมาพยายามขอใช้พื้นที่เพิ่มเติม แต่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่อนุญาต
รวมถึงจะใช้ประโยชน์เพื่อส่วนรวมต่างๆ เช่น พิพิธภัณฑ์เสรีไทย ปรับปรุงเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็ยังไม่อนุญาต แต่พอมาถึงวันนี้กลับมีหนังสืออนุญาตให้เอกชนเข้ามาปลูกอ้อยเพื่อเอาเงินค่าเช่าเป็นเงินสวัสดิการดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่ชาวบ้านยอมไม่ได้ จึงได้มารวมตัวกันคัดค้านในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในวันพรุ่งนี้ชาวผู้ไทยชาวอำเภอนาคูและเครือข่ายชาติพันธุ์ผู้ไทยทุกอำเภอใน จ.กาฬสินธุ์ จ.สกลนคร จ.นครพนม และใกล้เคียง จะเดินทางมาร่วมชุมนุมเพื่อคัดค้านไม่ให้กองทัพอากาศแปลงสนามบินเสรีไทยเป็นแปลงปลูกอ้อย โดยจะนัดรวมตัวกันที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอนาคู คาดว่าจะมีชาวผู้ไทยมาร่วมชุมนุมคัดค้านจำนวนไม่น้อย
สำหรับสนามบินเสรีไทย เป็นสนามบินลับเพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการของขบวนการเสรีไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อต่อต้านกำลังพลของญี่ปุ่นและรักษาอธิปไตยของชาติ โดยมีการสร้างสนามบินเสรีไทยเพื่อเป็นที่ขึ้น-ลงของเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตร ในการขนส่งอาวุธยุทธภัณฑ์และครูฝึกเข้ามาฝึกยุทธวิธีให้แก่พลพรรคเสรีไทย การฝึกยุทธวิธีแบบกองโจร ทหารพลเรือน (ทพร.) ฝึกสืบราชการลับแบบกองสอดแนม เหตุเพราะทุกคนในวงการเสรีไทยสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องพึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ฝ่ายประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา (ฝ่ายสัมพันธมิตร) ส่งมาให้ การส่งอาวุธยุทโธปกรณ์นี้ ในระยะแรกมีเพียงการทิ้งร่ม ณ พื้นที่ที่ตกลงกันเป็นครั้งคราว และอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ส่งแต่ละครั้งก็มีจำนวนจำกัด
ทั้งนี้ สนามบินเสรีไทยยังเคยใช้เป็นท่าอากาศยานของเสรีไทยในอดีต โดยมีเรือบิน Dokota ของฝ่ายพันธมิตรเคยขนอาวุธมาลง 2 ครั้ง ในการตั้งค่ายเสรีไทยที่บ้านนาคูใช้เวลาในการก่อสร้าง 20 วัน โดยการเกณฑ์กำลังแรงงานราษฎรจาก อ.กุฉินารายณ์ สหัสขันธ์ กมลาไสย อ.เมืองกาฬสินธุ์ มาร่วมปลูกสร้าง มีการนำเกวียนขนหินเป็นแผ่นๆ เพื่อใช้เป็นรันเวย์และพื้นที่สนามบินจนสามารถใช้เป็นสนามบินที่เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มาลงที่สนามบินแห่งนี้ได้สำเร็จ นอกจากนั้นยังเป็นจุดรับนักรบเสรีไทยไปรับการฝึกอาวุธที่ประเทศอินเดียอีกด้วย
ปัจจุบันสนามบินแห่งนี้แม้จะไม่ได้มีการพัฒนาเชิงพาณิชย์ แต่ถูกอนุรักษ์ไว้ในเชิงประวัติศาสตร์ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองทัพอากาศ จากนั้นเมื่อประมาณปี 2513-2519 พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อทรงเยี่ยมพสกนิกรชาว อ.นาคู มีรับสั่งให้ชลประทานทำการพัฒนาอ่างเก็บน้ำห้วยมะโน อ.นาคู ทำให้ราษฎรมีน้ำใช้ในการอุปโภคและบริโภค ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ เส้นทางตรงอ่างเก็บน้ำนาคูยังเป็นอีกจุดหนึ่งที่รัชกาลที่ ๙ ทรงใช้เป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินในพระราชกรณียกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทราบว่าพระองค์ได้เสด็จฯ ในช่วงปี 2513-2519 ทั้งนี้ สภาพสนามบินยังมีร่องรอยจารึก ราษฎรหลายคนเคยร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ และทำให้ผู้นำชุมชนได้เตรียมที่จะพัฒนาให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นอนุสรณ์สถานของคนรุ่นต่อไป
และเมื่อครั้งปี พ.ศ. 2505 พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทรงเยี่ยมบ้านนาคู 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 ทรงปล่อยปลาที่อ่างเก็บน้ำห้วยมะโน ปลูกต้นคูน 3 ต้น มีการจัดตั้งหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่แห่งแรก สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างโรงเรียน มีไฟฟ้าใช้เป็นแห่งแรกในภูมิภาคนี้ สำหรับการเสด็จฯ ในพื้นที่อำเภอนาคู ตรงสนามบินเสรีไทย พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังได้ทรงริเริ่มโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่พัฒนาพื้นที่ให้ชาวอำเภอนาคู จนทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกด้วย