บุรีรัมย์ - พ่อแม่นักเรียน ม.2 โรงเรียนชื่อดังบุรีรัมย์คาใจมือถือลูกหายในห้องเรียน โร่แจ้งความนึกว่าเพื่อนขโมย พอใช้แอปฯ ค้นหาตำแหน่งจนเจอพิกัดชัด ผ่านไป 3 วัน ผอ.ถือมาส่งให้ตำรวจอ้างไม่เจตนาเอาไป ทั้งพยายามขอไกล่เกลี่ยให้ถอนแจ้งความ แม่เผยรับไม่ได้หากไม่เจตนาทำไมไม่บอกแต่แรก ด้าน ผอ.รุดขอเคลียร์ถึงบ้านและปัดไม่สะดวกให้ข้อมูลสื่อ
วันนี้ (17 ก.ย.) นายสมชาย และ นางเดือน (นามสมมติ) พ่อและแม่ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อเพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีที่เมื่อวันพุธที่ 14 ก.ย. 65 ที่ผ่านมาโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อวีโว่ Y12 สีน้ำเงิน ราคาประมาณ 3,500 บาท ที่แม่ซื้อให้ลูกชายเพื่อใช้เรียนออนไลน์ ค้นหาข้อมูลในบางวิชาเรียน และไว้ติดต่อกับผู้ปกครองตอนเลิกเรียนได้หายไปขณะเสียบชาร์จไว้ในห้องเรียน จึงให้ลูกชายไปแจ้งความ และใช้แอปพลิเคชันในการติดตามค้นหาตำแหน่งมือถือที่หายไป พอเจอพิกัดก็แจ้งตำรวจให้ช่วยติดตามให้
กระทั่งผ่านไป 3 วัน ผู้อำนวยการโรงเรียนได้นำโทรศัพท์มือถือของลูกชายที่หายไป มาส่งให้ตำรวจแต่กลับอ้างว่าไม่เจตนาจะเอาไป แค่ยึดไว้เพราะไม่อนุญาตให้เด็กเอาโทรศัพท์มาโรงเรียน ทั้งบอกให้ลูกชายถอนแจ้งความเดี๋ยวจะเสียชื่อเสียงโรงเรียน โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของลูกชายทั้งที่ลูกชายเป็นฝ่ายเสียหาย
จากการสอบถาม ด.ช.เอเล่าให้ฟังว่า ช่วงประมาณบ่าย 3 วันพุธที่ผ่านมาตนได้เสียบชาร์จโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนโต๊ะครูหน้าห้องเรียนแล้วใช้หนังสือปิดทับเอาไว้ จากนั้นลงไปทำกิจกรรมลูกเสือกับเพื่อนคนอื่น กระทั่งช่วง 4 โมงเย็นเสร็จกลับขึ้นมาบนห้อง พบว่าทั้งมือถือและสายชาร์จหายไป ตอนแรกคิดว่าอาจจะเป็นนักเรียนในโรงเรียนลักขโมยไป จึงได้แจ้งครูประจำชั้นทราบ จากนั้นครูประจำชั้นจึงลองใช้มือถือของครูโทร.เข้าเครื่องของตนเองหลายครั้งก็โทร.ติดแต่ไม่มีคนรับสาย ครูจึงได้ประกาศหน้าเสาธงก่อนเลิกเรียน และขอตรวจกระเป๋านักเรียนทุกคนแต่ก็ไม่เจอ จากนั้นเช้าวันที่ 15 ก.ย. แม่ให้ครูพาไปแจ้งความที่ สภ.หนองสองห้อง
แล้วตนเองพยายามใช้แอปพลิเคชันในการค้นหาตำแหน่งโทรศัพท์มือถือที่หายไป จนช่วงสายของวันที่ 15 ก.ย. พบพิกัดแจ้งว่าโทรศัพท์อยู่บริเวณด้านหลังเสาธง ตนกับครูอีกคนก็พยายามเดินหาเพราะคิดว่านักเรียนคนที่ขโมยไปอาจเอาไปซ่อนไว้ อีกทั้งได้เดินหาบนอาคารเรียนด้วยแต่ก็ไม่เจอ กระทั่งเลิกเรียนกลับบ้าน แล้วใช้แอปฯ จับสัญญาณอีกรอบคราวนี้แจ้งพิกัดว่าอยู่หอพักแห่งหนึ่งแถว ต.สะแกโพรง โทร.ไปบอกตำรวจแต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นยามวิกาลไม่สามารถไปขอตรวจค้นได้
กระทั่งช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 16 ก.ย. จับพิกัดได้ว่ามือถือกลับมาโผล่ในโรงเรียนอีก จึงโทร.บอกตำรวจอีกครั้ง จากนั้นช่วง 11 โมง พ่อแม่และตนเดินทางไปโรงพัก ตำรวจโทร.ไปหาผู้อำนวยการ (ผอ.) ว่ามีใครพบเห็นมือถือน้องหรือไม่ แต่ผู้อำนวยการตอบว่าไม่เห็น แต่พอตำรวจแจ้งกลับไปว่ามีหลักฐานว่ามือถืออยู่ตรงไหน ต่อมา ผอ.จึงได้นำโทรศัพท์มาส่งให้ตำรวจที่โรงพัก แต่อ้างว่าไม่ได้เจตนาจะเอาไปแค่ยึดเอาไว้เพราะไม่ได้อนุญาตให้เด็กเอามือถือมาเรียนเท่านั้น ซึ่งตนมองว่ามันย้อนแย้งเพราะถ้ายึดไปทำไมไม่เอาไว้ที่โรงเรียนหรือมอบให้ฝ่ายปกครอง อยากให้ ผอ.รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
ขณะที่นางเดือน ผู้เป็นแม่ บอกว่า ตอนแรกที่ลูกมาบอกว่ามือถือหายในห้องเรียนก็คิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนนักเรียนด้วยกันหยิบฉวยเอาไป แต่พอมีหลักฐานว่าคนที่หยิบเอาไปเป็นถึงผู้บริหารโรงเรียนที่น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็ก แต่หาก ผอ.ไม่มีเจตนาจะหยิบฉวยเอาไปทำไมไม่แจ้งใครที่โรงเรียนหรือบอกผู้ปกครองก็ได้ว่าจะยึดเอาไว้ก่อน แต่นี่ปล่อยเงียบหายไปถึง 3 วันแล้วค่อยเอามาส่งให้ตำรวจแล้วอ้างว่าไม่มีเจตนา ทั้งยังมาขอเคลียร์กับพ่อแม่ให้ถอนแจ้งความอีก อยากจะขอความเป็นธรรมด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังสอบถามข้อมูลกับทางครอบครัวน้อง ผอ.คนที่ถูกกล่าวอ้างถึงได้เดินทางมาที่บ้านเพื่อมาขอเคลียร์กับพ่อแม่ เมื่อผู้สื่อข่าวขอสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผอ.แจ้งว่ายังไม่สะดวกจะให้ข้อมูล