xs
xsm
sm
md
lg

อีสานโพลชี้ราคากัญชาจะร่วงหลังปลูกกันมาก นโยบายปลดล็อกกัญชาดันความนิยมภูมิใจไทยเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภาคอีสาน - อีสานโพลเผยครัวเรือนอีสานจะแห่ปลูกกัญชาและเห่อกินอาหารผสมกัญชาจากนโยบายปลูกกัญชาเสรี แต่ต้องการให้ควบคุมไม่ให้กลุ่มเยาวชนเข้าถึงกัญชาง่ายเกินไป โรงเรียน วัด และสถานที่ราชการต้องปลอดกัญชา เผยนโยบายปลดล็อกกัญชาช่วยให้ความนิยมในพรรคภูมิใจไทยเพิ่มขึ้น และราคากัญชามีแนวโน้มลดลงเพราะมีการปลูกแพร่หลาย แนะจำกัดปริมาณปลูก


วันนี้ (30 มิ.ย.) อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ออกมาเปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “คนอีสานกับการปลูกกัญชาเสรี” โดยผลสำรวจพบว่าครัวเรือนอีสานเกินครึ่งจะปลูกกัญชา ส่วนใหญ่จะกินและลองกินอาหารผสมกัญชา แต่ไม่แห่เสพกัญชา คาดอีกประมาณ 1 ปีราคากัญชาจะลดลงทำให้การปลูกกัญชาได้กำไรไม่มาก และอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาความยากจน

นอกจากนี้เกินครึ่งมีความกังวลมากถึงมากที่สุดว่าเยาวชนจะบริโภคหรือเสพกัญชาจนเสียสุขภาพหรือการเรียน หนุนให้ห้ามขายและบริโภคกัญชาในสถานที่ราชการ วัด โรงพยาบาล และสถานศึกษา แต่ก็เชื่อการปลูกกัญชาเสรีอาจช่วยลดปัญหายาเสพติดได้บ้าง ส่วนข้อดีและข้อเสียของการปลูกกัญชาเสรียังก้ำกึ่งแต่ค่อนไปทางมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย หนุนจำกัดปริมาณการปลูกต่อครัวเรือน และการผลักดันการปลูกกัญชาเสรีส่งผลให้คะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทยในอีสานเพิ่มขึ้น

รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานกับการปลูกกัญชาเสรี ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 มิ.ย. 2565 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,105 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า “ครัวเรือนของท่านจะปลูกต้นกัญชาหรือไม่” พบว่า ร้อยละ 53.1 จะปลูก และร้อยละ 46.9 จะไม่ปลูก โดยกลุ่มที่จะปลูกแยกเป็นดังนี้ ร้อยละ 25.6 จะปลูก 1-5 ต้น ร้อยละ 14.7 จะปลูก 6-10 ต้น และร้อยละ 12.8 จะปลูกมากกว่า 10 ต้น แต่ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด

เมื่อสอบถามว่าท่านจะกินอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาหรือไม่ พบว่า ร้อยละ 73.2 จะมีการกินหรือลองกิน และร้อยละ 26.8 จะไม่กิน โดยกลุ่มที่จะกินหรือลองกินแยกเป็นดังนี้ ร้อยละ 33.2 อาจจะลองแค่ลองกินไม่กี่ครั้ง ร้อยละ 33.8 จะกินตามโอกาสต่างๆ และมีเพียงร้อยละ 6.2 ที่จะกินบ่อยหรือกินเป็นประจำ


เมื่อสอบถามต่อว่า ท่านจะเสพกัญชาหรือไม่ พบว่า ร้อยละ 66.9 จะไม่เสพ และร้อยละ 33.1 จะเสพหรือลองเสพ โดยกลุ่มที่จะเสพหรือลองเสพแยกเป็นดังนี้ ร้อยละ 19.0 อาจจะลองแค่ลองเสพไม่กี่ครั้ง ร้อยละ 10.6 จะเสพตามโอกาสต่างๆ และมีเพียงร้อยละ 3.5 ที่จะเสพบ่อยหรือเสพเป็นประจำ

เมื่อสอบถามต่อว่า หลังจากนี้ประมาณ 1 ปี เมื่อประชาชนปลูกกัญชาเยอะขึ้น ราคากัญชาจะเป็นอย่างไร พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 48.1 เห็นว่า ไม่ถูกไม่แพงปลูกแล้วยังพอมีกำไร รองลงมาร้อยละ 35.2 เห็นว่า พอๆ กับผักสวนครัวปลูกแล้วไม่ค่อยมีกำไร และมีเพียงร้อยละ 16.6 เห็นว่ายังแพงมากปลูกแล้วได้กำไรสูง

รศ.ดร.สุทินระบุอีกว่า เมื่อสอบถามต่อว่าการอนุญาตให้ประชาชนปลูกกัญชาได้จะช่วยให้ประเทศลดปัญหาความยากจนได้หรือไม่ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 66.7 เห็นว่าไม่ช่วยลดปัญหาความยากจนหรืออาจเพิ่มปัญหา ขณะที่ร้อยละ 33.3 เห็นว่าจะช่วยลดปัญหาความยากจน

เมื่อสอบถามต่อว่า กังวลว่าบุตรหลานของท่านหรือเยาวชนจะบริโภคหรือเสพกัญชาจนเสียสุขภาพหรือการเรียน หรือไม่อย่างไร” พบว่าเมื่อเรียงจากระดับความกังวล เป็นดังนี้ ร้อยละ 23.7 ตอบว่ากังวลมากที่สุด ร้อยละ 24.9 ตอบว่ากังวลมาก ร้อยละ 33.5 ตอบว่ากังวลปานกลาง ร้อยละ 12.4 ตอบว่ากังวลน้อย และมีเพียงร้อยละ 5.5 ที่กังวลน้อยที่สุดหรือไม่กังวลเลย




จากการสอบถามต่อว่า การอนุญาตให้ประชาชนปลูกกัญชาได้ จะทำให้ปัญหายาเสพติดพวกยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ ยาเค ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นหรือลดลง พบว่าโดยภาพรวมเห็นว่าปัญหายาเสพติดจะเท่าๆ เดิม ค่อนไปทางลดลง โดยมีรายละเอียดดังนี้ อันดับหนึ่งร้อยละ 45.8 เห็นว่าปัญหาจะเท่าๆ เดิม รองลงมา ร้อยละ 24.5 เห็นว่าปัญหาจะลดลง ตามมาด้วยร้อยละ 17.4 เห็นว่าปัญหาจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.3 เห็นว่าปัญหาจะลดลงมาก และร้อยละ 6.0 เห็นว่าปัญหาจะเพิ่มขึ้นมาก

เมื่อสอบถามต่อว่า การอนุญาตให้ประชาชนปลูกกัญชาได้มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรต่อประเทศไทย” พบว่า อันดับหนึ่งร้อยละ 53.0 เห็นว่ามีข้อดีพอๆ กับข้อเสีย รองลงมา ร้อยละ 27.2 เห็นว่าข้อดีมากกว่าข้อเสีย และร้อยละ 19.8 เห็นว่าข้อเสียมากกว่าข้อดี

เมื่อสอบถามต่อว่า กฎหมายควรกำหนดให้สถานที่ราชการ โรงพยาบาล วัด โรงเรียนและสถานศึกษา เป็นเขตห้ามขาย/บริโภคกัญชาและอาหารผสมกัญชา” พบว่า อันดับหนึ่งร้อยละ 83.3 เห็นด้วย รองลงมา ร้อยละ 12.5 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 4.2 ระบุอื่นๆ หรือไม่แน่ใจ

รศ.ดร.สุทินกล่าวด้วยว่า สำหรับกฎหมายควรกำหนดให้แต่ละครัวเรือนปลูกกัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือนได้ไม่เกินกี่ต้น พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.4 ยังมองว่ารัฐควรจำกัดจำนวนการปลูก โดยแยกเป็น ร้อยละ 26.3 ให้ปลูกไม่เกิน 6 ต้น ร้อยละ 23.2 ให้ปลูกไม่เกิน 10 ต้น และร้อยละ 12.9 ให้ปลูกไม่เกิน 20 ต้น อย่างไรก็ตาม มีถึงร้อยละ 34.9 ที่สนับสนุนให้ปลูกได้เสรีไม่จำกัด และมีร้อยละ 2.8 ที่ระบุอื่นๆ หรือไม่แน่ใจ


ต่อข้อถามที่ว่า การผลักดันการปลูกกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย จะทำให้ความนิยมของพรรคภูมิใจไทยในอีสานเป็นอย่างไร พบว่า 1 ร้อยละ 61.5 ระบุว่า ความนิยมพรรคภูมิใจไทยเท่าๆ เดิม รองลงมา ร้อยละ 17.0 ความนิยมพรรคภูมิใจไทยเพิ่มขึ้น ตามมาด้วยร้อยละ 13.7 ความนิยมพรรคภูมิใจไทยลดลง ร้อยละ 6.1 ความนิยมพรรคภูมิใจไทยเพิ่มขึ้นมาก และร้อยละ 1.7 ความนิยมพรรคภูมิใจไทยลดลงมาก

ซึ่งโดยภาพรวมกลุ่มที่ระบุว่าความนิยมพรรคภูมิใจไทยเพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นมาก รวมแล้วมีร้อยละ 23.1 ขณะที่กลุ่มที่ระบุว่าความนิยมพรรคภูมิใจไทยลดลงหรือลดลงมาก รวมแล้วมีร้อยละ 15.4 ดังนั้นความนิยมของพรรคภูมิใจไทยมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นจากการผลักดันการปลูกกัญชาเสรี


กำลังโหลดความคิดเห็น