ศูนย์ข่าวภาคอีสาน - ฝ่ายบริหาร ม.ขอนแก่นไฟเขียวเปิดทางให้นักศึกษามีอิสระในการแต่งกายตามเพศสภาพ
LGBTQ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และคุ้มครองไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
รายงานข่าวแจ้งว่า รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ลงนามในประกาศมหาวิทยาลัยขอนแกน่ ฉบับที่ 1620/2565 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 65 เรื่องการแต่งกายของนักศึกษา โดยมีสาระสำคัญคือการเปิดให้นักศึกษาที่มีเพศสภาพหรือเพศภาวะไม่ตรงกับเพศโดยกำเนิด สามารถแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษาหรือชุดสุภาพตามเพศสภาพหรือเพศภาวะนั้นได้
ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และคุ้มครองมิให้เกิดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ โดยมีรายละเอียดประกาศดังนี้
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดการแต่งกายของนักศึกษาให้เป็นไปตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย เครื่องแบบนักศึกษา พ.ศ. 2561 ตลอดจนส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และคุ้มครองมิให้เกิดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 37 (1) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2558
ประกอบกับข้อ 11 ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย เครื่องแบบนักศึกษา พ.ศ. 2561 และมติคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการประชุมครั้งที่ 11/2565 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า "ประกาศมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ฉบับที่ 1620 /2565) เรื่อง การแต่งกายของนักศึกษา" ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ 3 ในประกาศนี้
"มหาวิทยาลัย " หมายความว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น
"อธิการบดี" หมายความว่า อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น "คณะ" หมายความว่า ส่วนงานตามมาตรา 9 (4) (5) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2558 และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีความหมายเทียบเท่าคณะ
"นักศึกษา" หมายความว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
"เครื่องแบบนักศึกษา" หมายความว่า เครื่องแบบนักศึกษาระดับปริญญาตรี ตามข้อ 5 ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย เครื่องแบบนักศึกษา พ.ศ. 2561
"ชุดสุภาพ" หมายความว่า เครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับกาลเทศะ ได้แก่ เสื้อมีแขน กางเกงหรือกระโปรงที่ไม่มีลักษณะเป็นการแต่งกายล่อแหลมหรือเปิดเผยเนื้อตัวร่างกายจนเกินไป ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม แก่สุภาพชน และสวมรองเท้าลักษณะและสีที่สุภาพ "เพศสภาพหรือเพศภาวะ" หมายความว่า การแสดงพฤติกรรม การปฏิบัติ หรือแสดงบทบาททางเพศของบุคคล ซึ่งอาจตรงหรือไม่ตรงกับลักษณะเพศโดยกำเนิด "เพศโดยกำเนิด" หมายความว่า เพศซึ่งถูกระบุไว้เมื่อแรกเกิด โดยใช้ลักษณะเพศทางสรีระ หรืออวัยวะเพศมาเป็นฐานในการกำหนด ข้อ 4 การแต่งกายของนักศึกษาสำหรับการเข้าเรียน การเข้าสอบ หรือติดต่อคณะ หรือข้อ 4.1 นักศึกษาระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่าปริญญาตรี ให้แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบนักศึกษาหรือแต่งกายด้วยชุดสุภาพ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับกิจกรรมและกาลเทศะที่สุภาพชนพึงปฏิบัติ 4.2 นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาให้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ
ข้อ 5 การแต่งกายของนักศึกษาสำหรับการฝึกปฏิบัติงาน เป็นดังนี้ 5.1 นักศึกษาระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่าปริญญาตรี ให้แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบนักศึกษาหรือตามที่คณะกำหนดโดยออกเป็นประกาศของคณะตามข้อ 1-ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย เครื่องแบบนักศึกษา พ.ศ. 2561 ข้อ 5.2 นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาให้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ หรือตามที่คณะกำหนด โดยออกเป็นประกาศของคณะตามข้อ 1 ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย เครื่องแบบนักศึกษา พ.ศ. 2561
ข้อ 6 การแต่งกายของนักศึกษาที่ปฏิบัติงานสหกิจศึกษา การฝึกงาน และการฝึกประสบการณ์กับหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย เป็นดังนี้ 6.1 นักศึกษาระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่าปริญญาตรี ให้แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบนักศึกษาหรือชุดสุภาพ หรือตามรูปแบบการแต่งกายที่หน่วยงานนั้นๆ กำหนด 6.2 นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาให้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ หรือตามรูปแบบการแต่งกายที่หน่วยงานนั้นๆ กำหนด
ข้อ 7 การแต่งกายของนักศึกษาสำหรับงานพิธีการ เป็นดังนี้ 7.1 นักศึกษาระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่าปริญญาตรี ให้แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบพิธีการ ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย เครื่องแบบนักศึกษา พ.ศ. 2561 7.2 นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาให้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ และสวมสูทสากลสีสุภาพทับ เว้นแต่งานพิธีการนั้นได้กำหนดการแต่งกายไว้เป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ กรณีที่งานพิธีการนั้น 1 ได้กำหนดการแต่งกายไว้เป็นการเฉพาะให้แต่งกายตามที่กำหนดนั้น
ข้อ 8 การแต่งกายตามข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 7 ของนักศึกษาที่มีเพศสภาพหรือเพศภาวะไม่ตรงกับเพศโดยกำเนิด สามารถแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษาหรือชุดสุภาพตามเพศสภาพหรือเพศภาวะนั้นได้ต่างๆ เป็นดังนี้ ข้อ 9 ให้อธิการบดีรักษาการตามประกาศนี้ กรณีมีปัญหาในทางปฏิบัติ หรือปัญหาการตีความประกาศนี้ให้อธิการบดีเป็นผู้วินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิการบดีถือเป็นที่สุด