เพชรบูรณ์ - ชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ผอ.โรงเรียนฯ พ้นพื้นที่..หลังเกิดเหตุสุดช็อกเด็กนักเรียนชายชั้น ป.6 ข่มขืนเด็กหญิง ป.5 คาโรงเรียน พอเหยื่อร้องไห้วิ่งไปบอกครูพาไปหา ผอ.กลับห้ามไม่ให้บอกผู้ปกครอง แถมพบประวัติเด็กผู้ก่อเหตุเคยจับก้นจังหน้าอก นร.หญิงมาแล้วถึง 5 คน
วันนี้ (26 มิ.ย. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุเด็กนักเรียนชาย ป.6 ข่มขืนเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 อายุ 11 ขวบ ภายในอาคารเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เมื่อช่วงบ่ายของวันอังคารที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา และมีรายงานว่าผู้อำนวยการโรงเรียนบอกกับเด็กหญิงบี (นามสมมติ) ที่ตกเป็นเหยื่อว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับผู้ปกครองเด็ดขาด เพราะทาง ผอ.จะเสียหายได้
เด็กหญิงบีก็ทำตามที่ ผอ.บอก คือไม่ยอมบอกผู้ปกครอง จนกระทั่งเมื่อช่วงเย็นของวันศุกร์ (24 มิ.ย. 65) ที่ผ่านมาทางผู้ปกครองเด็กบังเอิญได้ยินเด็กหญิงบีกำลังคุยปรึกษากับพี่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันว่าจะทำยังไงดี ผอ.ไม่ให้บอกให้ปิดเป็นความลับ ทางผู้ปกครองจึงได้เรียกเด็กหญิงบีมาถามว่ามีเรื่องอะไรกันที่โรงเรียน เด็กหญิงบีจึงได้เล่าทุกอย่างให้ผู้ปกครองทราบ
เมื่อทางบ้านเด็กหญิงบีทราบเรื่องต่างก็ตกใจกันทั้งบ้าน และได้ปรึกษากันภายในกลุ่มญาติ ก่อนเชิญผู้ใหญ่บ้านมาพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดเหตุว่ามันไม่สมควรที่จะเกิดภายในโรงเรียนได้ และเกิดเหตุในเวลาราชการที่เด็กอยู่ในความดูแลของครูในโรงเรียน อีกทั้ง ผอ.โรงเรียนยังไม่ให้เด็กบอกผู้ปกครองอีก
ต่อมาในช่วงเช้าวันเสาร์ (25 มิ.ย. ) ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันเดินทางไปที่โรงเรียนเพื่อพบกับ ผอ.โรงเรียน พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และทางชาวบ้านก็ได้ปรึกษาและลงความเห็นให้ ผอ.ย้ายออกไปจากโรงเรียนเพราะรับพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้
นางสาวเอ (นามสมมติ) น้าของเด็กหญิงบี (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ตามที่ได้คุยกับหลาน วันนั้นหลังจากเกิดเรื่องเด็กหญิงบีก็วิ่งร้องไห้ไปบอกครูคนหนึ่ง และครูก็พาเด็กหญิงบีไปบอก ผอ. แต่ทาง ผอ.กลับบอกเด็กว่าห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้ปกครอง เพราะจะทำให้ทาง ผอ.เสียหายได้ และอีกอย่างก็ไม่ท้องหรอก
กระทั่งเมื่อวาน (เสาร์ที่ 25 มิ.ย.) พวกตนและชาวบ้านคนอื่นๆ รวม 30 คนเดินทางไปที่โรงเรียน ทาง ผอ.กลับพูดอีกอย่าง คือบอกว่าไม่ได้ห้ามเด็กไม่ให้บอกผู้ปกครอง แต่บอกว่าอย่าเพิ่งบอก ซึ่งตนไม่รู้ว่า..อย่าเพิ่งบอก คือเมื่อไหร่ หรือต้องให้เกิดเรื่องแบบนี้กับเด็กคนอื่นภายในโรงเรียนอีก ถ้าไม่เค้นถามจากเด็กป่านนี้ผู้ปกครองก็คงไม่มีใครทราบเรื่อง
นางสาวเอ น้าสาวเด็กหญิงผู้เสียหาย บอกอีกว่า เมื่อ 2 ปีก่อน เด็กชายเอ็ม (นามสมมติ-คนก่อเหตุ) ก็เคยมีพฤติกรรมชอบไปกอด หอม และจับหน้าอกเด็กนักเรียนหญิง มาแล้วถึง 5 คน ซึ่งตอนนั้นทางผู้ปกครองเด็กชายเอ็มก็ได้ตักเตือนลูกหลานเขาแล้วเรื่องก็เงียบไปเหมือนจะดีขึ้น จนกระทั่งล่าสุดมาเกิดเรื่องขึ้นกับหลานสาวตนถึงขั้นมีอะไรกัน ซึ่งเด็กชายเอ็มได้ใช้กำลังลงมือข่มขืนหลานสาวตนเอง เด็กวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากครู แต่คนที่เป็นครู และเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนกลับแนะนำเด็กแบบนี้ ซึ่งตนรับไม่ได้จริงๆ
ด้านยายของเด็กหญิงบี ผู้เสียหาย บอกว่า ตั้งแต่รู้เรื่องตนก็นอนไม่หลับ เป็นกังวล กลัวหลานสาวจะท้อง เพราะเขามีประจำเดือนแล้ว และเป็นห่วงจิตใจหลานสาว กลัวว่าจะโดนเพื่อนล้อ แล้วหลานตนจะอยู่ในสังคมได้อย่างไร และที่สำคัญรับไม่ได้กับคำพูดของ ผอ.โรงเรียน ที่ห้ามเด็กไม่ให้บอกทางบ้าน ตนรับไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาปิดบัง ทำไมคนเป็นถึง ผอ.โรงเรียนคิดได้แค่กลัวว่าตัวเองจะเสียหายแค่นั้นเหรอ แล้วทำไมไม่คิดถึงสภาพจิตใจของเด็กบ้าง
ขณะที่ผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่ง (สมาชิก อบต.ในพื้นที่) บอกว่าทราบเรื่องชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ผอ.โรงเรียน ตนในฐานะผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งและเป็นคนกลางจึงได้เดินทางไปร่วมฟัง โดยเรื่องดังกล่าว ทาง ผอ.โรงเรียนยอมรับผิด แต่ผิดยังไงนั้น ผอ.แกไม่พูด ทางด้านชาวบ้านจึงได้ยกมือลงความเห็นกันว่าให้ ผอ.ย้ายออกไปจากโรงเรียน เพราะรับไม่ได้กับการแก้ไขปัญหาของ ผอ. ส่วนข้อเสียอื่นๆ ที่มีคนพูดกันเกี่ยวกับ ผอ.นั้น ตนไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเป็นเรื่องภายในโรงเรียน แต่ตั้งแต่ย้ายมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ ก็มีงบมาช่วยพัฒนาโรงเรียนหลายๆ อย่าง
ล่าสุดทราบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนได้เก็บของบางส่วนออกไปจากบ้านพักภายในโรงเรียน ซึ่งไม่ทราบว่าไปไหนเช่นกัน