xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจหนุ่มชนเผ่าเจอกล่าวหาอ้างเป็น จนท.สำนักนายกฯ รีดเงิน 150,000 แลกฝากรับราชการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - เปิดใจหนุ่มชนเผ่าเจ้าของธุรกิจท่องเที่ยวแม่วาง โดนกล่าวหาอ้างเป็น จนท.สำนักนายกฯ รีดเงินคนชาติพันธุ์ 150,000 แลกฝากเข้ารับราชการ ยันเรื่องเข้าใจผิด แค่ชวนคู่กรณีกับเพื่อนลงทุนทำธุรกิจท่องเที่ยว-ทำสัญญากู้เงินไว้ แต่เจอพิษโควิดธุรกิจไม่ฟื้น บางคนต้องการถอนตัวขอเงินทุนคืน พอยังไม่มีให้เกิดไม่พอใจ กลายเป็นเรื่องลุกลาม


กรณีเพจอีซ้อขยี้ข่าว 2 ได้โพสต์ภาพบัตรเจ้าหน้าที่สำนักนายกฯ พร้อมระบุข้อความว่า..จ่ายแสนห้าเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ...หลังมีคนไปแอบอ้างหลอกชาวบ้านว่ามีความสนิทสนมกับนักการเมืองและเป็นที่ปรึกษาผู้ช่วยรัฐมนตรีอยู่ สามารถพาเข้าทำงานที่หน่วยงานของรัฐได้ โดยบรรจุเป็นข้าราชการประจำแลกกับการจ่ายเงินจำนวน 150,000 บาท

แต่พอผู้เสียหายโอนเงินจนครบจะได้รับบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของสำนักนายกฯ จนผ่านไปหลายเดือนไม่มีการติดต่อมาถึงรู้ว่าถูกหลอก ตอนนี้มีผู้เสียหายเกือบ 10 ราย บางครอบครัวต้องไปกู้ยืมเงินมาจ่าย บางคนต้องเอาที่ดินไปจำนอง อ.แม่แจ่ม เชียงใหม่”

ล่าสุดนายจอห์น (นามสมมติ) อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นหนุ่มชนเผ่า เจ้าของธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.แม่วาง ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้นหมายถึงตน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว แต่ประสบปัญหาช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด จึงชักชวนน้องๆที่เป็นชนเผ่าเหมือนกันร่วมลงทุนธุรกิจการท่องเที่ยวด้วยกัน เพราะธุรกิจขาดสภาพคล่อง และทำสัญญาลักษณะให้ตนกู้ยืมเงิน 1.5 แสนบาท ทีมงานรวม 10 คน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นการท่องเที่ยวยังซบเซาอยู่เหมือนเดิม ทำให้ไม่มีเงินเข้ามาในธุรกิจ จึงทำให้น้องๆ ทีมงานบางรายเกิดความไม่พอใจต้องการขอเงินที่ร่วมลงทุนคืน แต่ตนยังไม่มีเงินคืนให้และพยายามอธิบายให้ฟังแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่พอใจตน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดและลุกลามก็เป็นได้

ส่วนกรณีที่ตนนั้นแอบอ้างว่าเป็นคณะทำงานสำนักนายกฯ อย่างที่เป็นข่าวนั้น ไม่เป็นความจริงและไม่มีการแอบอ้างรับฝากบรรจุเป็นข้าราชการประจำแลกกับการจ่ายเงินจำนวน 150,000 บาท ซึ่งความเป็นจริงตนเป็นเพียงอาสาสมัครการข่าวของหน่วยงานด้านข่าวกรองหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น มีหน้าที่แจ้งข่าวเรื่องสิ่งผิดกฎหมายให้แก่ต้นสังกัด

“ขณะนี้ผมได้พ้นสภาพจากการเป็นอาสาสมัครมานานกว่า 2 ปีแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีอำนาจไปฝากงานให้กับใคร ส่วนประเด็นที่มีการอ้างว่าผมนำอาสาสมัครไปตั้งด่านรีดไถเงินนั้นก็ไม่เป็นความจริง จะมีเพียงบางครั้งที่ได้รับการร้องขอผู้นำชุมชนให้ไปร่วมตั้งด่านความมั่นคงในพื้นที่ อ.แม่วาง ซึ่งมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอยู่เท่านั้น”

หลังจากเกิดประเด็นดรามาขึ้นตนได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับน้องๆ ที่เป็นทีมงาน เพื่อปรับความเข้าใจ และทราบว่าเป็นความไม่พอใจของคนคนเดียว จึงทำให้เรื่องลุกลามเข้าใจผิดกัน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พ่อ แม่ ของน้องๆ ทั้ง 9 คนได้โทรศัพท์มาขอโทษและพูดคุยปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยเหลือเพียงอีก 1 คนที่ยังติดต่อไม่ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น