ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านในโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่งเขต ต.นาป่า อ.เมืองชลบุรี รวมตัวร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกกลุ่มบุคคลแอบอ้างเป็นนิติบุคคลหลอกเก็บเงินค่าส่วนกลางลูกบ้านเกือบ 1,000 หลังคาเรือน นานกว่า 18 ปี สูญเงินเกือบ 40 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (19 มิ.ย.) ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.1 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี จำนวนกว่า 50 คน ได้รวมตัวกันที่ปากทางเข้าเข้าหมู่บ้านเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของโครงการ หลังถูกกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นคณะกรรมการหมู่บ้านจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เรียกเก็บเงินค่าส่วนกลางนานกว่า 18 ปี จนสูญเงินรวบเกือบ 40 ล้านบาท
น.ส.เนตรนภา ตู้หม่อง อายุ 43 ปี เผยว่าหมู่บ้านแห่งนี้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการจัดตั้งเป็นนิติบุคคล กระทั่งในปี 2547 ได้มีกลุ่มบุคคลรวมตัวกันเป็นคณะกรรมการหมู่บ้านและจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อเข้ามาบริหารจัดการดูแลเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งการเก็บขยะ การซ่อมแซมอุปกรณ์ส่วนกลางต่างๆ ที่เกิดความชำรุดเสียหาย
ทำให้ผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านตั้งแต่เฟสแรก ถึงเฟส 4 ที่มีประมาณ 1,000 หลังคาเรือนพากันหลงเชื่อว่าจึงยินยอมจ่ายค่าส่วนกลางครัวเรือนละ 150-200 บาทต่อเดือน และเป็นเช่นนี้มานานถึง 18 ปี
“กระทั่งเรื่องมาแตกเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังเจ้าหน้าที่เทศบาล ต.นาป่า ได้เข้ามาตรวจสอบและเรียกเก็บภาษีโรงเรือนจึงได้ทราบว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีนิติบุคคล ซึ่งในกรณีที่มีการเรียกเก็บค่าส่วนกลางนั้นเทศบาลได้แนะนำว่าให้ลูกบ้านทั้งหมดรวบรวมหลักฐานเพื่อนำไปแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มคนดังกล่าว”
น.ส.เนตรนภา ยังบอกอีกว่า 1 ในกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเองว่าเป็นนิติบุคคลของหมู่บ้านยังรับราชการเป็นตำรวจ ซึ่งในวันนี้ลูกบ้านภายในโครงการต้องการให้เจ้าของหมู่บ้านยกทางถนนให้เป็นทางสาธารณะเพื่อให้เทศบาลได้เข้ามาดูแล เนื่องจากปัจจุบันภายในซอยต่างๆ ของหมู่บ้านไฟทางมืดทั้งหมดแล้ว เนื่องจากไม่มีการปรับปรุงแก้ไข
อีกทั้งสนามเด็กเล่น สโมสรสระว่ายน้ำของหมู่บ้านยังอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมจนเด็กๆ ไม่สามารถวิ่งเล่นได้เพราะเกรงว่าจะถูกงูกัด
“เราต้องการให้เทศบาลเข้ามาพัฒนาดูเเลส่วนต่างๆ ในหมู่บ้านให้ดีกว่าเดิม ส่วนกลุ่มนิติบุคคลเถื่อนจากนี้จะเดินหน้าเรียกร้องให้ออกมารับผิดชอบและคืนเงินให้ชาวบ้านที่ต้องจ่ายมานานกว่า 18 ปี รวมเป็นเงินเกือบ 40 ล้านบาท” น.ส.เนตรนภา กล่าว
