บุรีรัมย์- ญาติร้องขอความเป็นธรรม ผญบ.ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุขับไล่ครอบครัวพิการยากไร้ 4 แม่ลูก ออกจากหมู่บ้านกลางคืน เหตุโมโหที่ ด.ช.วัย 12 พิการทางสมองชอบขโมยของบ้านผู้ใหญ่ แถมขู่กลับมาอีกจะเผาบ้านทิ้ง แม่พาลูกพิการขนของใส่รถเข็นออกจากบ้านไปนั่งร้องไห้อยู่ริมถนนเพราะไม่มีที่ไป ญาติโล่แจ้งรองนายก อบต.ช่วยรับกลับมา แต่หวั่นไม่ปลอดภัยวอนหน่วยงานรัฐช่วยเหลือ
วันนี้ (17 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านแห่งหนึ่งใน ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ว่า ผู้ใหญ่บ้านใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ขับไล่ลูกบ้านซึ่งเป็นครอบครัวพิการและยากไร้ ออกจากหมู่บ้านตอนกลางคืน เพราะไม่พอใจที่ลูกชายอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางสมอง ชอบเข้าไปลักขโมยของในบ้านผู้ใหญ่บ้าน ทั้งนี้ผู้ใหญ่บ้านยังข่มขู่ด้วยว่าถ้ากลับมาอยู่ในหมู่บ้านอีกจะเผาบ้านหลังที่ครอบครัวดังกล่าวอาศัยอยู่ให้หมดด้วย
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังหมู่บ้านดังกล่าวตามที่ได้รับร้องเรียน เมื่อไปถึงพบบ้านไม่มีเลขที่ลักษณะเหมือนกระต๊อบหลังคาและฝาผนังล้อมรอบด้วยสังกะสีสภาพเก่า ภายในไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ซึ่งอาศัยอยู่ทั้งหมด 4 คน คือ นางไพฑูรย์ จันทร์อยู่จริง อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่ , น.ส.วันวิสา จันทร์อยู่จริง อายุ 33 ปี ลูกสาวคนโต ซึ่งพิการสมองไม่ปกติ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง , ด.ช.วันเฉลิม จันทร์อยู่จริง อายุ 12 ปี ลูกชายคนเล็ก ซึ่งมีความบกพร่องทางสมอง และ ด.ช.สงกรานต์ กวงกรอง อายุ 10 ปี เป็นลูกชายของ น.ส.วันวิสา
จากการสอบถามนางไพฑูรย์ จันทร์อยู่จริง ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังว่า หลังจากสามีเสียชีวิตก็ไม่มีบ้านอยู่ จึงได้พาลูกหลานมาขออาศัยอยู่กับญาติที่หมู่บ้านนี้มากว่า 6 ปีแล้ว ซึ่งญาติก็ใจดีให้ปลูกกระต๊อบในที่ดินของเขาพอได้อยู่อาศัยจนถึงทุกวันนี้เพราะเขาสงสาร กระทั่งเมื่อตอนประมาณ 6 โมงเย็นวันที่ (14 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีท่าทางโมโหได้เข้ามาขับไล่ตนพร้อมลูกๆ และหลาน ให้ออกจากหมู่บ้านไป
โดยผู้ใหญ่อ้างว่าทนไม่ไหวที่ลูกชายคนเล็กของตนเอง ซึ่งมีความบกพร่องทางสมองชอบเข้าไปขโมยของในบ้านผู้ใหญ่บ้านหลายครั้ง ซึ่งตอนที่ผู้ใหญ่มาไล่ตนกำลังหุงข้าวทำกับข้าวให้ลูกกิน แต่ผู้ใหญ่บอกว่าไม่ต้องทำไม่ต้องกินมันแล้วข้าว ให้รีบเก็บข้าวของออกไปเลย
ตอนนั้นตกใจและกลัวเพราะผู้ใหญ่แสดงอาการโมโหมาก ไม่รู้จะทำยังไงจึงรีบเก็บข้าวของเท่าที่พอจะเอาไปได้ใส่ในรถเข็น แล้วพาลูกกับหลานพิการทั้ง 4 คนเดินร้องไห้ไปตามถนนเรื่อยๆ แบบไม่มีจุดหมาย เดินไปไกลประมาณ 3 กิโลเมตร ก็บอกกับลูกๆ ทั้งน้ำตาว่าเดี๋ยวหาที่นอนในป่าข้างทางไปก่อนเพราะไม่รู้จะไปไหน ตอนเช้าค่อยว่ากันใหม่ กระทั่งมีญาติมาตามให้กลับไปที่บ้านเหมือนเดิมอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิด
ด้านนางยศ แสนจันทร์ อายุ 39 ปี หลานสาวนางไพฑูรย์ บอกว่า ผู้ใหญ่บ้านใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ จู่ๆ มาขับไล่ครอบครัวของป้า ซึ่งมีลูกพิการให้ออกไปจากหมู่บ้าน ทั้งยังขู่ว่าหากกลับมาจะรื้อบ้านหรือเผาทิ้ง ตนก็อยากจะถามว่าผู้ใหญ่บ้านมีสิทธิ์อะไรถึงมาใช้อำนาจขับไล่ลูกบ้านออกจากหมู่บ้านแบบนี้ ถ้าลูกหลานไปลักขโมยของก็ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ใช่มาขับไล่กันแบบนี้
ตนอยากจะขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ และช่วยเหลือด้วย แทนที่ผู้ใหญ่บ้านจะมีความเมตตาต่อลูกบ้านแต่กลับมาขับไล่กันแบบนี้มันไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะป้ามีลูกพิการ และฐานะยากจนอยู่แล้วข้าวจะกรอกหม้อยังไม่มี มีแต่ญาติและเพื่อนบ้านที่สงสารหยิบยื่นให้
ด้าน นางวรรณา ดวงมาลา รองนายก อบต.โคกว่าน กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านและญาติของนางไพฑูรย์ ว่าถูกผู้ใหญ่ขับไล่ออกจากหมู่บ้าน ก็ตกใจจึงรีบเดินทางไปดูก็ไม่พบครอบครัวนี้อยู่ที่บ้านแล้ว จึงได้ขับรถออกตามไปหา พร้อมกับญาติ ก็ไปเจอนางไพฑูรย์ พร้อมลูกและหลาน พากันนั่งร้องไห้อยู่ริมถนนห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร เห็นสภาพแล้วน่าสงสารมาก จึงไปบอกให้ทั้ง 4 คนขึ้นรถของตนแล้วกลับไปที่บ้านก่อน แล้วค่อยหาแนวทางแก้ไขปัญหาทีหลัง เพราะตอนนั้นค่ำมืดแล้วก็ห่วงเรื่องความปลอดภัย
จากนั้นตนไปสอบถามผู้ใหญ่บ้านว่าทำไมถึงไล่ครอบครัวนี้ ออกจากหมู่บ้านผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าเขามีสิทธิ์ที่จะไล่ เพราะครอบครัวนี้เป็นสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในหมู่บ้าน รวมถึงบ้านของผู้ใหญ่ด้วยก็ถูกขโมยของหลายครั้ง ตนอธิบายว่าถ้าเด็กทำผิดจริงก็ให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมาย แต่ผู้ใหญ่ไม่มีสิทธิ์ที่จะไล่เขาออกจากหมู่บ้าน ผู้ใหญ่ตอบว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเขาจะรับผิดชอบเอง จากกรณีดังกล่าวตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย จะได้ไม่เกิดปัญหาบานปลาย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้าน ที่ถูกร้องว่าเป็นคนขับไล่ครอบครัวคนพิการออกจากหมู่บ้าน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่พบว่าบ้านปิดล็อกประตูไม่มีใครอยู่ สอบถามชาวบ้านใกล้เคียงก็บอกว่าไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ไปไหน แต่วันนี้ไม่เห็นอยู่ที่บ้าน ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ไปสอบถามแต่ก็ไม่มีใครรับสาย