บุรีรัมย์ - ญาติและเพื่อนบ้านยัน “ผู้ใหญ่บ้าน” ขับไล่ครอบครัวพิการ 4 แม่ลูกออกจากหมู่บ้านกลางคืนจริง คาดโมโหเด็กไปขโมยของบ้านผู้ใหญ่ น้องสาวเผยถึงขั้นยกมือไหว้ขอร้องแต่ผู้ใหญ่ก็ไม่เห็นใจ ยอมรับเด็กอาจผิดขโมยของแต่ไม่มีสิทธิ์ขับไล่ควรหาวิธีการอื่น หลายหน่วยงานเร่งช่วยเหลือและจัดหาที่อยู่ใหม่เพื่อป้องกันปัญหาซ้ำซ้อน ด้าน ผญบ.ยันไม่ได้ขับไล่แต่ช่วยมาตลอด อ้างเป็นการกุเรื่อง
วันนี้ (18 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่มีการร้องเรียนว่าผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ด้วยการขับไล่ลูกบ้านซึ่งเป็นครอบครัวพิการและยากไร้ รวม 4 ชีวิต ประกอบด้วย นางไพฑูรย์ อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่, น.ส.วันวิสา อายุ 33 ปี ลูกสาวคนโต พิการสมองไม่ปกติ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง, ด.ช.วันเฉลิม อายุ 12 ปี ลูกชายคนเล็ก มีความบกพร่องทางสมอง และ ด.ช.สงกรานต์ อายุ 10 ขวบ เป็นลูกชายของ น.ส.วันวิสา ออกจากหมู่บ้านตอนกลางคืนเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าไม่พอใจที่น้องอายุ 12 ปี ซึ่งเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางสมอง ชอบเข้าไปลักขโมยของในบ้านผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงบ้านของชาวบ้านหลายครั้ง
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกล่าวหาได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ขับไล่ครอบครัวของนางไพฑูรย์ออกจากหมู่บ้านตามที่ถูกร้องเรียนกล่าวหา น่าจะเป็นการสร้างเรื่องเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างมากกว่า ทั้งอ้างว่าที่ผ่านมาในฐานะเป็นผู้นำหมู่บ้านได้เคยดูแลครอบครัวนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปขับไล่นั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามญาติ และชาวบ้านในหมู่บ้านอีกครั้ง โดย นางทองคำ แสนจันทร์ อายุ 53 ปี น้องสาวนางไพฑูรย์ บอกว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์วันที่ผู้ใหญ่บ้านเข้ามาขับไล่พี่สาวและลูกหลานของพี่สาวซึ่งสภาพร่างกายไม่ปกติออกจากหมู่บ้านจริง โดยผู้ใหญ่บ้านบอกให้พี่สาวพาลูกหลานไปอยู่ที่อื่น เห็นแล้วก็สงสารพยายามยกมือไหว้ขอร้องผู้ใหญ่บ้านว่าอย่าขับไล่พี่สาวและหลานเลยเพราะค่ำมืดแล้วไม่รู้จะพากันไปอยู่ที่ไหน รอตอนเช้าค่อยพูดคุยกันใหม่ก็ได้ แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่เห็นใจยืนกรานขับไล่อย่างเดียว จนพี่สาวและลูกหลานทั้ง 4 คนต้องเก็บของใส่รถเข็นออกจากหมู่บ้าน เพราะดูท่าทางผู้ใหญ่บ้านโมโหมากที่เด็กไปขโมยของ
ตนยอมรับว่าลูกชายของพี่สาวอายุ 12 ปี ชอบขโมยของชาวบ้านและบ้านผู้ใหญ่บ้านจริง แต่เป็นของเล็กๆ น้อยๆ เช่น สมุดวาดรูป ของเล่น และของกินบ้าง เพราะฐานะยากจนกินอยู่อดๆ อยากๆ กระต๊อบที่อยู่ก็เป็นญาติให้อาศัยเท่านั้น ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีห้องน้ำ ต้องอาบน้ำในตุ่มกลางแจ้ง ปวดหนักหรือเบาก็ต้องไปขออาศัยเข้าห้องน้ำญาติ
ขณะที่ นายรด เพื่อนบ้าน บอกตรงกันว่า วันนั้นได้ยินเสียงผู้ใหญ่บ้านมาขับไล่ครอบครัวดังกล่าวจริง และท่าทางผู้ใหญ่บ้านคล้ายกับมึนเมาด้วยเพราะตะโกนเสียงดังไม่ฟังใครเลย ส่วนสาเหตุที่มาไล่อ้างว่าเด็กไปขโมยของในบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นผู้ใหญ่บ้านมีพฤติกรรมแบบนี้ แต่การมาไล่ลูกบ้านที่มีลูกหลานพิการแบบนี้มันก็ไม่สมควร ส่วนตัวไม่ได้โกรธผู้ใหญ่บ้านแต่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำ หากเด็กขโมยของจริงการเป็นผู้นำก็น่าจะมีวิธีจัดการที่ดีกว่านี้
ด้านวรรณา ดวงมาลา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บอกว่า หลังจากเป็นข่าวได้มีหลายหน่วยงานลงพื้นที่เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงและร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเบื้องต้นได้นำสิ่งของมามอบบรรเทาความเดือดร้อนก่อน จากนั้นจะจัดหาที่อยู่ใหม่ให้แก่ครอบครัวดังกล่าวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นอีก และจะได้ทำเรื่องบัตรคนพิการให้สองพี่น้องเพื่อให้ได้รับการสงเคราะห์ช่วยเหลือตามสิทธิ
ส่วนกรณีที่ผู้ใหญ่บ้านมาขับไล่ครอบครัวดังกล่าวนั้น ขึ้นอยู่กับทางผู้บังคับบัญชาที่จะพิจารณาดำเนินการ เพราะส่วนตัวเห็นใจทั้งสองฝ่าย
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงแต่ไม่พบผู้ใหญ่บ้านอยู่ที่บ้าน จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม โดยผู้ใหญ่บ้านได้ชี้แจงทางโทรศัพท์ว่า ไม่ได้ขับไล่ครอบครัวของนางไพฑูรย์ออกจากหมู่บ้านตามที่ถูกร้องเรียนกล่าวหา และไม่ได้ขู่จะเผาบ้านตามที่กล่าวหาด้วย กลับตรงกันข้ามที่ผ่านมาในฐานะที่ตนเองเป็นผู้ใหญ่บ้านก็ได้ช่วยเหลือครอบครัวนี้มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกินก็หยิบยื่นเงินและข้าวของให้ตามอัตภาพที่พอจะช่วยเหลือได้
ที่ผ่านมายังเคยช่วยเหลือ ด.ช.วัย 12 ปี ที่ถูกชาวบ้านแจ้งความเอาผิดฐานลักทรัพย์ เนื่องจากมีวงจรปิดว่าเข้าไปลักขโมยของเป็นเนื้อสัตว์ในตู้เย็นภายในบ้านชาวบ้านอีกหมู่บ้านหนึ่งหลายครั้ง ซึ่งตนไปช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยให้จนไม่ถูกดำเนินคดี แต่ได้ว่ากล่าวตักเตือนในฐานะผู้ใหญ่เท่านั้น เพราะที่ผ่านมามีชาวบ้านมาร้องเรียนหลายครั้งว่าถูกลักขโมยของ จนกลายเป็นปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในหมู่บ้าน รวมถึงหมู่บ้านใกล้เคียงด้วย ซึ่งแม้แต่บ้านตนเองก็ยังถูกขโมยของเหมือนกัน แต่ไม่ได้เอาเรื่องอะไรเพราะคิดว่าเป็นเด็ก ได้แค่ตักเตือนและเฝ้าระวังทรัพย์สินของตัวเองด้วยการล็อกประตูเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้มีการขับไล่ครอบครัวนี้อย่างแน่นอน เชื่อว่าน่าจะเป็นการแต่งเรื่องขึ้นเองมากกว่า แต่ไม่ทราบว่าเพราะจุดประสงค์อะไร เพราะตนไม่ได้มีปัญหากับครอบครัวนี้ ซึ่งเบื้องต้นได้รายงานข้อเท็จจริงให้ทางนายอำเภอรับทราบแล้ว แต่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการลักขโมย และช่วยเหลือครอบครัวนี้ เพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่นอีก
ขณะที่ล่าสุดทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เหล่ากาชาดจังหวัด กาชาดอำเภอ ผู้แทนนายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังดังกล่าวที่ร้องเรียนว่าถูกผู้ใหญ่บ้านขับไล่ออกจากหมู่บ้าน เพื่อสอบถามรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร รวมถึงจะได้สอบถามชาวบ้านในหมู่บ้าน และผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกล่าวหาด้วย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป
