อธิบดีกรมควบคุมมลพิษสั่งดำเนินคดี รง.กำจัดกากอุตฯ หลายข้อหาหลังเพลิงดับ

ราชบุรี - อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ สั่งดำเนินคดีหลายข้อหาต่อทางโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรม หลังไฟดับลงเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยใช้เวลาในการดับนานกว่า 24 ชั่วโมง

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในโกดังเก็บถังน้ำมันและสารระเหยต่างๆ ของโรงงานแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด มาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา และใช้เวลาในการดับนานกว่า 24 ชั่วโมง แต่ยังมีกลุ่มควันคุกรุ่นอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ต้องทำการฉีดน้ำเลี้ยงไว้ตลอดเพื่อไม่ให้เกิดประกายไฟติดขึ้นมาอีก

ล่าสุด บ่ายวันนี้ (17 มิ.ย.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบสถานการณ์ภายในโรงงาน พร้อมทั้งสั่งการให้เฝ้าระวังไม่ให้ไฟติดขึ้นมาอีก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบว่าภายในโกดังที่ถูกไฟไหม้นั้นมีสารอะไรบ้าง

โดยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ได้ร่วมกับทางจังหวัดราชบุรี ในการเข้ามาดูสถานการณ์ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ซึ่งสารที่บรรจุในถังตามที่ทางโรงงานได้ยื่นให้ดูนั้นมีทั้งทินเนอร์ มีน้ำมันปนเปื้อน สีเก่า ไฟเบอร์ เศษผ้า รวมทั้งถังเปล่าประมาณ 34,000 ถัง ตามบัญชีที่ทางโรงงานยื่นมาทั้งหมด แต่ในพื้นที่จริงนั้นมีอะไรมากกว่านี้หรือไม่ยังไม่ทราบ จะต้องมาตรวจพิสูจน์หลังจากที่ไฟดับแล้วอีกครั้ง

ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ได้จบแค่ไฟดับ แต่จะต้องตรวจสอบว่ามีสารเคมีอะไรรั่วไหลหรือไม่ มีสารอะไรปนเปื้อนไปในพื้นที่สาธารณะข้างเคียงหรือไม่ ทั้งในเรื่องของอากาศ น้ำ และดิน ซึ่งจะมีทีมเฝ้าระวังต่อจากนี้ไม่น้อยกว่า 3 วัน เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาแล้วได้รับสารพิษ ซึ่งใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานนั้นจำนวน 9 ใบ ได้ถูกเพิกถอนออกไปหมดแล้ว และมีคำสั่งจากศาลให้นำสารเหล่านี้ออกไปกำจัดให้ถูกวิธี ซึ่งทางโรงงานได้มีการทำแผนว่าจะนำไปกำจัดที่ไหนบ้าง แต่เมื่อทำแผนเสร็จแล้ว 1 เดือน ยังไม่ได้มีการขนย้าย มีเหตุไฟไหม้ขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งเหตุไฟไหม้นั้นเกิดขึ้นมาหลายครั้งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงมีการตั้งข้อสงสัยและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจสอบเพิ่ม ส่วนเรื่องที่ดินนั้นได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ทางโรงงานไปปิดทับเส้นทางสาธารณะ จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย จะต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิว่าได้มาโดยชอบหรือไม่ ส่วนสารพิษที่ฟุ้งกระจายไปกับควันไฟทางกรมมีเครื่องมือในการตรวจวัดว่ามีมากน้อยแค่ไหน

เบื้องต้นพบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย โดยวางจุดตรวจตั้งแต่ 1 กิโลเมตร ไปจนถึง 8 กิโลเมตร และเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนว่าหากได้กลิ่นขอให้สวมหน้ากากอนามัย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานได้รับอันตรายจากถูกสารเคมีกัดด้วยเหมือนกัน ส่วนความผิดนั้นทางกรมจะใช้ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ในการฟ้องเรียกค่าเสียหาย โดยรวบรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เจ้าของโรงงานต้องรับผิดชอบ ซึ่งเป็นเรื่องของทางแพ่ง อีกส่วนจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่ประชาชนเสียโอกาสในการทำมาหากินเพราะเข้าพื้นที่ไม่ได้ และยังมีค่าเสียหายที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ซึ่งจะต้องดูว่ามีมลพิษอะไรที่ไหลลงสู่ดิน สู่ลำธาร หรือที่พัดปลิวไปกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจะคำนวณเป็นค่าเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องของ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ยังมีเรื่องของกฎหมายครอบครองที่ดิน พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.ครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ และ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ส่วนสารเคมีที่เหลือในภายในโรงงาน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้กำชับทางอุตสาหกรรมใช้มาตรการตามที่กรมโรงงานกำหนด ซึ่งมีการติดตามและกำกับดูแลอยู่แล้วซึ่งจะต้องเข้มงวดมากขึ้น โดยประสานกับทางท้องถิ่นว่าจะต้องมีการเฝ้าระวังให้มากขึ้น