เชียงใหม่ - พี่ชายและครอบครัว "อาหมี่" สาวไชยปราการตั้งท้องลูกแฝด 5 เดือนที่ถูกฆาตกรรมโหดพร้อมสามีที่ไต้หวัน เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อตำรวจภูธรภาค 5 ให้เร่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นชายเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก โดยพบว่าหลังก่อเหตุได้หนีกลับประเทศไทยและมาบ้านที่เชียงใหม่
ความคืบหน้ากรณีคดีสะเทือนขวัญที่ไต้หวันคนร้ายก่อเหตุฆ่านางสาวพจนีย์ แซ่หลี่ หรือ "อาหมี่" อายุ 35 ปี ชาวอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ที่กำลังตั้งท้องลูกแฝดได้ 5 เดือน พร้อมนายประเสริฐ โนราษ สามี เสียชีวิต โดยคนร้ายนำร่างผู้ชีวิตใส่ไว้ในรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้หน้าสถานีรถไฟฟ้ากลางเมืองในไต้หวัน ซึ่งจากรายงานข่าวที่ไต้หวันระบุว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายไทยที่สนิทสนมและทำธุรกิจกับผู้เสียชีวิตทั้งปล่อยเงินกู้, ขายหวยและทอง โดยหลังก่อเหตุแล้วนั่งเครื่องบินหลบหนีกลับประเทศไทย
วันนี้ (13 มิ.ย. 65) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ นายยิ่งยศ แซ่หลี่ อายุ 38 ปี พี่ชายของ "อาหมี่" เดินทางเข้าพบตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังจากเห็นหลักฐานระบุตัวผู้ต้องสงสัยทั้งขณะก่อเหตุขนร่างผู้ตาย ล้างทำความสะอาดรถ และขับรถวนมาจอดทิ้งไว้หน้าสถานีรถไฟฟ้าแล้วหลบหนีไป ใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 4 ชั่วโมงอย่างโหดเหี้ยม ทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องสาวของตัวเองตั้งท้องลูกแฝด
นายยิ่งยศบอกว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชายอายุ 35 ปี สนิทสนมกับน้องสาวเพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนหน้านี้เขาทำงานเปิดบริษัททัวร์ พอช่วงสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจปิดตัวจึงเดินทางไปที่ไต้หวัน และทำงานเป็นล่ามกับน้องสาวที่ไต้หวันเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องสงสัยค่อนข้างสนิทสนมกับครอบครัวน้องสาวเข้าออกบ้านไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันเป็นประจำ เบื้องต้นไม่ทราบว่ามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน แต่หลักๆน่าจะเป็นเรื่องเงิน
โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 8 มิ.ย. 65 น้องสาวได้โทรศัพท์มาปรึกษาบอกว่าให้ผู้ต้องสงสัยยืมเงินประมาณ 800,000 บาท และสร้อยทองคำหนักกว่า 10 บาท จากนั้นผู้ต้องสงสัยมาบอกว่าเงินกับสร้อยคอที่ให้ยืมถูกคนงานขโมยไปแต่น้องสาวไม่ปักใจเชื่อ จึงโทรศัพท์มาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งตัวเองได้เตือนว่าให้ระวังชายคนนี้ไว้ก่อนจะวางสายไป และหลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดมีเรื่องทะเลาะอะไรกันอีกหรือไม่ กระทั่งมาทราบข่าวว่าน้องกับครอบครัวถูกฆ่าอย่างโหดร้าย
นอกจากนี้ นายยิ่งยศบอกอีกว่าที่อยู่ในประเทศไทยของผู้ต้องสงสัยอยู่หมู่บ้านเดียวกับน้องสาวที่อำเภอไชยปราการ หลังเกิดเหตุแล้ว ช่วงวันที่ 9 มิ.ย. 65 มีชาวบ้านบอกว่าเห็นผู้ต้องสงสัยกลับมาที่หมู่บ้านมารับส่งลูกไปโรงเรียนก่อนจะหายตัวไป โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้ปกติแล้วเป็นคนพูดจาดีและสนิทสนมกับน้องสาวมากถึงขั้นเวลาที่อยู่ไต้หวันด้วยกันน้องสาวจะให้คีย์การ์ดเปิดประตูบ้านเข้าออกได้อย่างสบาย ไม่คาดคิดว่าจะฆ่าน้องสาวที่กำลังตั้งท้องกับสามีได้อย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้จึงอยากขอความช่วยเหลือให้ตำรวจช่วยติดตามคดีคืนความเป็นธรรมให้น้องสาวด้วย
ขณะที่พลตำรวจตรี วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่าตอนนี้เรื่องอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังประสานงานกับตำรวจไต้หวันซึ่งมีกระบวนการดำเนินการหลายขั้นตอน เบื้องต้นในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับข้อมูลมาว่าผู้ต้องสงสัยกลับมาที่ประเทศไทยตรวจสอบเบื้องต้นทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอไชยปราการ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่เร่งติดตามตัวแล้ว
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการลงพื้นที่บ้านของผู้ต้องสงสัยซึ่งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย เบื้องต้นพบว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อผู้ต้องสงสัย และพบพี่เขยของผู้ต้องสงสัยที่ให้ข้อมูลว่าช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 9 มิ.ย. 65 ผู้ต้องสงสัยได้นั่งรถตู้มาที่บ้านหลังนี้ ซึ่งได้พูดคุยทักทายกันเพียงเล็กน้อยและผู้ต้องสงสัยบอกว่าคิดถึงลูกโดยไม่มีท่าทางผิดปกติใดๆ จากนั้นผู้ต้องสงสัยได้ยืมรถยนต์ของพ่อขับออกไป จากนั้นไม่ทราบว่าไปที่ใดและยังไม่ได้พบกันอีกเลย