xs
xsm
sm
md
lg

ขึ้นโรงพักเป็นพรวน! “บัญชีม้า” พันคดีลวงหมอฟันลำพูน-ญาติสูญร่วม 70 ล้าน หอบหลักฐานเข้าพบ ตร.ต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลำพูน - ทยอยขึ้นโรงพักกันต่อเนื่อง..เจ้าของ “บัญชีม้า” พัวพันคดีอดีตสาวโรงงานนิคมฯลำพูนลวงหมอฟัน-ญาติร่วมลงทุนค้าเหล็ก ทองแดง หน้ากากอนามัย สูญร่วม 70 ล้าน จนโดนอายัดบัญชีกันระนาว


ความคืบหน้ากรณีนางสาวกบ (นามสมมติ) อดีตสาวโรงงานนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูน สร้างสตอรี-ตัวละคร ร่วมหลอก “หมอกระต่าย-เจ้าของคลินิกย่านตัวเมืองลำพูน” ที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน ร่วมโอนลงทุนค้าหน้ากากอนามัย ค้าเหล็กและค้าทองแดง ตั้งแต่ปี 2562 เสียหายกว่า 68 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

จากการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่พบว่ามีการโยกย้ายเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกงหลอกลวงเข้าบัญชีคนรู้จัก เพื่อนๆ และญาติๆ ของนางสาวกบ จึงได้สั่งให้อายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้กลุ่มขบวนการโกงครั้งนี้กลัวจะตกเป็นผู้ร่วมกระทำผิดพากันดิ้นให้ตัวเองรอดจากคดี ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรม จ.ลำพูน เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

ล่าสุดพบนายสรพงษ์ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี เดินทางมาจาก จ.นครสวรรค์ เข้าพบ ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย พรเจิมกุล พนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรมฯ จ.ลำพูน หลังถูกอายัดบัญชีธนาคาร เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหลอกหมอฟันลงทุน

นายสรพงษ์ให้การว่าตนเป็นพนักงานบริษัทเงินกู้แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ รู้จักกับนางสาวกบ (นามสมมติ) เมื่อประมาณกลางปี 2564 เพราะ “เจ๊กบ” เป็นลูกค้าเงินกู้ชั้นดี ส่งรายวันดีตลอดมา ประกอบกับบุคลิกดี หน้าที่การงานดี พูดจาน่าเชื่อถือ รวมทั้งมีเอกสารหลักฐานมาแสดงให้ตนหลงเชื่อว่าตนปล่อยกู้แล้วจะได้เงินคืนแน่นอน

โดยนางสาวกบได้หลอกให้ตนไปขู่ทวงหนี้หมอกระต่าย อ้างว่าหมอกระต่ายเป็นหนี้แล้วไม่ยอมคืน ตนจึงหลงเชื่อเพราะพฤติกรรมที่ “เจ๊กบ” แสดงออกให้ตนเห็นนั้นน่าเห็นใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งเจ๊กบยังมีน้ำใจชอบมีสินน้ำใจให้ตนตลอดมา จนก่อนเกิดเหตุตนได้ปล่อยเงินกู้ให้ “เจ๊กบ” เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยกู้อยู่แล้ว จากนั้น “เจ๊กบ” ก็อุ้มเงินล็อตใหม่หนีไปอย่างไร้วี่แวว

ต่อมา น.ส.จิน่า (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดลำปาง ได้นำเอกสารประกอบด้วยสำเนาการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนเอง เข้าพบ ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย พรเจิมกุล พนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรมฯ จ.ลำพูน หลังจากถูกอายัดบัญชีธนาคารเช่นกัน

น.ส.จิน่าได้ให้การว่ารู้จัก “น้ากบ” ผ่านทางน้าสาวมานานแล้ว เห็นเป็นคนพูดจาดีน่าเชื่อถือ จึงให้ยืมบัญชีเมื่อกลางปี 2564 ซึ่งตอนนั้น “น้ากบ” อ้างว่าหมอกระต่ายติดหนี้แล้วไม่คืน ซึ่งน้ากบได้ทวงหนี้ก้อนนี้จากหมอกระต่ายหลายครั้งแล้วไม่เป็นผล จึงอ้างให้หมอกระต่ายโอนเงินเข้าบัญชีของตนแทน เพื่อเป็นการชำระหนี้ที่น้ากบติดค้างตนแทนการโอนผ่านบัญชีน้ากบเอง ด้วยวงเงินเกือบ 10 ล้าน จนตนโดนอายัดบัญชีดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ก็ได้พยายามติดต่อไปยังน้ากบ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามหมอกระต่าย ผู้เสียหายทราบว่า นางสาวกบหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารนางสาวจีน่า ซึ่งเป็นหลานสาวของเพื่อน โดยอ้างว่าขณะนั้นได้รับซื้อเหล็กจากโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา และบอกให้หมอกระต่ายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนางสาวจีน่า ซึ่งหลอกว่าเป็นพนักงานฝ่ายจัดซื้อของบริษัทดังกล่าว โดยมีการโอนเงินครั้งละหลักหมื่น และมากที่สุดคือจำนวน 1.7 ล้านบาท รวมทั้งหมด 60 ครั้งเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา จนเรื่องแดงขึ้นจึงมีการตรวจสอบบัญชีธนาคารของนางสาวจีน่า และถูกอายัดเพื่อตรวจสอบ

ขณะที่ น.ส.ชวนชม (นามสมมติ) อายุ 49 ปี พนักงานบัญชีของสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ได้เข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือลำพูน กรณีบัญชีถูกอายัดเงินจำนวน 3 หมื่นว่า ตนได้รู้จักกับ น.ส.กบมาประมาณ 3-4 ปี เนื่องจาก น.ส.กบได้เป็นลูกค้าให้จดทะเบียนการค้ากับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและให้ตนทำบัญชีให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ น.ส.กบเปิดอยู่

ต่อมาเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2564 น.ส.กบได้ติดต่อให้ตนทำเรื่องเปลี่ยนชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดใหม่ จึงมาทาบทามตนให้ดำเนินการดังกล่าว แล้วหลอกให้หมอกระต่ายโอนเงินเข้าบัญชี น.ส.ชวนชม ด้วยจำนวนเงินที่เกินจากค่าดำเนินการที่ตั้งไว้คือ 3 หมื่น จริงๆ แล้วค่าดำเนินการแค่ 4,080 บาท โดยอ้างว่าโอนเกิน จึงขอให้โอนส่วนเกินจำนวน 25,920 บาท คืนแก่ น.ส.กบ จนโดนอายัดบัญชีธนาคารดังกล่าว

ส่วนทางฝ่ายหมอกระต่าย ผู้เสียหายได้ให้การว่า น.ส. กบได้ให้ตนโอนเงินค่าดำเนินการให้แก่เจ้าหน้าที่กรมอุตสาหกรรมลำพูน เบื้องต้นนี้สรุปได้ว่าทั้งคู่ถูก น.ส.กบหลอกเช่นกัน




กำลังโหลดความคิดเห็น