บุรีรัมย์ - ผอ.รพ.บุรีรัมย์สั่งจัดทีมลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจและอำนวยความสะดวกทำเรื่องเยียวยาครอบครัว “น้องต้นน้ำ” วัย 12 ปี ไส้ติ่งแตกเสียชีวิต ยอมรับเกิดจากความบกพร่องของการรักษาของ รพ. ทำให้เด็กได้รับการผ่าตัดล่าช้า พร้อมเรียกถกคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาลเพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการรักษา ไม่ให้เกิดเหตุเศร้าซ้ำรอย ยันไม่มีคนไข้วีไอพี
วันนี้ (7 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่ นายสมบูรณ์ กรมไธสง อายุ 42 ปี ชาว ต.พุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจาก ด.ช.กิตติศักดิ์ กรมไธสง หรือ น้องต้นน้ำ อายุ 12 ปี ลูกชาย ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.1 ได้เสียชีวิตจากอาการไส้ติ่งแตกและติดเชื้อ ขณะถูกส่งตัวไปผ่าตัดเพื่อรักษาที่ รพ.บุรีรัมย์ ซึ่งผู้เป็นพ่อติดใจว่าหมอผ่าตัดล่าช้าทำให้ลูกชายเสียชีวิตนั้น
ล่าสุดวันนี้ นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ทางโรงพยาบาลจัดทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับครอบครัวของน้องต้นน้ำที่เสียชีวิตที่บ้าน พร้อมทั้งให้อำนวยความสะดวกเรื่องเอกสารที่จะขอรับการเยียวยาตามสิทธิ์ ซึ่งยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความบกพร่องของระบบการรักษาของ รพ.เอง ทำให้เด็กได้รับการผ่าตัดล่าช้า จนมีอาการหนักและเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งทาง รพ.เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถือเป็นบทเรียนที่ทาง รพ.เองจะต้องนำมาปรับปรุงแก้ไขระบบการให้บริการ เพื่อไม่ให้เกิดความบกพร่องผิดพลาดขึ้นซ้ำอีก
โดยจะมีการเรียกประชุมหารือกับทั้งคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และทีมผ่าตัด เพื่อปรับระบบการให้บริการโดยเฉพาะกรณีผ่าตัดที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งปัจจุบันทีมผ่าตัดมีเพียงพอแต่อาจบกพร่องในเรื่องของการจัดระบบมากกว่า และยืนยันว่าผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงการบริการที่เท่าเทียมไม่มีคนไข้วีไอพีอย่างแน่นอน
ด้าน นายพิสิทธิ์ ตุนพอน ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองบก ต.พุทไธสง บอกว่า ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับน้องต้นน้ำ เพราะแค่ปวดท้องไส้ติ่งก็ไม่น่าจะถึงขั้นเสียชีวิต อีกทั้งน้องอายุยังน้อย และครอบครัวนี้ก็น่าสงสารอยู่แล้วเพราะมีกันอยู่แค่ 3 คน คือ ย่าที่อายุมากกว่า 80 ปี ลูกชายที่เป็นพ่อของน้อง และน้องต้นน้ำที่เสียชีวิต ซึ่งเวลาที่พ่อออกไปทำงาน น้องต้นน้ำจะเป็นคนคอยดูแลหาข้าวหาน้ำให้ย่ากิน น้องเป็นเด็กนิสัยดีมาก หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทางภาครัฐเข้ามาดูแลช่วยเหลือด้วย
