สุรินทร์ - ลบคำสบประมาท “เลือย รักสกุล” เกษตรกรชาวสวนพนมดงรัก โละทิ้งสวนยางพาราหันปลูกทุเรียนหมอนทอง บนพื้นที่ 14 ไร่ จากทุเรียนต้นแรกประสบผลสำเร็จสู่สวนทุเรียนชายแดนเทือกเขาพนมดงรัก ประเดิมปีนี้โกยรายได้กว่าครึ่งล้าน พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว ชมชิมซื้อถึงสวน
ที่บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีเทือกเขาพนมดงรักเป็นเขตแนวชายแดนทางธรรมชาติ อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้ แหล่งน้ำ และพื้นดินที่เหมาะต่อการปลูกพืชเศรษฐกิจ ทั้ง ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง และที่กำลังได้รับความสนใจจากเกษตรกร ในพื้นที่ตำบลบักไดคือการปรับเปลี่ยนการปลูกยางพารามาเป็นการปลูกทุเรียน โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ซึ่งเกษตรกรได้ทำการทดลองปลูก มานานกว่า 5 ปี กำลังประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม เริ่มออกดอกให้ผล และจะสามารถเก็บผลผลิตได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงปลายเดือนมิถุนายน 2565 นี้
โดยเฉพาะที่สวนทุเรียนของ นายเลือย รักสกุล อายุ 51 ปี เกษตรกรชาวสวนบ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนจากการปลูกยางพารามาเป็นปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองเป็นเจ้าแรกของพื้นที่ตำบลบักไดบนเนื้อที่ปลูก 14 ไร่
นายเลือยบอกว่า ปลูกทุเรียนหมอนทองต้นแรก เมื่ออายุได้ 3 ปี ทุเรียนก็ออกดอกให้ผลผลิต ครั้งแรก 3 ลูก ตนตื่นเต้นมาก พอถึงเวลาตัดก็ตัดทุเรียนให้นายอำเภอได้ทดลองรับประทาน 1 ลูก ตน 1 ลูก และเพื่อนบ้าน 1 ลูก พอได้ลิ้มลองรสชาติแล้ว ลงความเห็นว่ารสชาติเหมือนกับซื้อทุเรียนหมอนทองจากภาคตะวันออกมากิน อร่อยหอมหวาน แม้ว่าด้านนอกเหมือนจะแข็งแต่เนื้อนุ่มใน พอได้ชิมลูกแรกแล้วก็ดีใจ และเป็นการจุดประกายความหวังว่าพื้นที่ตรงนี้ต้องปลูกทุเรียนได้แน่นอน จึงได้เริ่มขยายพื้นที่ปลูกจาก 6 ไร่ เพิ่มเป็น 14 ไร่
ตนเองต้องต่อสู้ลบคำสบประมาท จากเพื่อนบ้าน ว่า ปลูกไปเถอะไม่นานต้นก็จะเหี่ยวแห้งตาย หรือไม่ทุเรียนจะกลายเป็นขนุน ซึ่งตนเองดูแล บำรุง ต้นทุเรียน มาอย่างต่อเนื่องไม่เห็นจะเป็นอย่างที่ชาวบ้านเขาสบประมาท ไว้ พอเข้าปีที่ 4 ทุเรียน เริ่มให้ผลผลิต มากขึ้นแต่ก็ไม่ให้ลูกติดมาก กลัวต้นจะโทรมเร็ว เอาไว้ต้นละ 4 ลูก และตั้งชื่อต้นทุเรียนว่า สาวน้อยลูก 4 เพราะอายุต้นทุเรียนน้อย 4 ปี เอาไว้แค่ต้นละ 4 ลูก แต่พอเอาไว้น้อยลูก กลับปรากฏว่า ลูกทุเรียน มีน้ำหนักมากลูกใหญ่มาก ตกลูกละ 6-7 กิโลกรัม
พอมาปีนี้ เป็นปีที่ 5 ต้นทุเรียนมีอายุมากขึ้น จึงปล่อยให้มีลูกดกได้ บางต้นกว่า 20 ลูก ผลทุเรียนจะอยู่สูงจากพื้นดินที่ปลูก ตั้งแต่ 50 เชนติเมตร สูงสุด 3 เมตร บางต้นจะดกมาก พอดกมาก ลูกทุเรียนก็ดันหรือกดกันเองก็จะหลุดออกไป สำหรับปีนี้ มีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทุเรียน ประมาณการผลิตไว้ว่า ทุเรียนหมอนทองในสวนจำนวน 14 ไร่จะให้ผลผลิต จำนวน 90 ต้น จำนวน 800 ลูก ตกไซส์จำนวน 90 ลูก ประมาณรายได้ของสวนในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท ซึ่งทุเรียนจะสุกเก็บผลผลิตได้ช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้
“ดีใจที่ทุเรียนหมอนทองให้ผลผลิตที่ดี ลบคำสบประมาทลงไปได้ ” นายเลือยกล่าว
ขณะที่สวนทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และ เงาะ จากสวนอื่นๆ ในพื้นที่ ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เริ่มเก็บผลผลิตและจำหน่ายได้แล้ว มีประชาชนทั้งในพื้นที่ และต่างอำเภอ แม้แต่จากต่างจังหวัด ให้ความสนใจเดินทางไปเที่ยวชม พร้อมชิมรสชาติเงาะ ทุกเรียน ถึงสวนพร้อมพากันซื้อกลับบ้าน โดยทุเรียนหมอนทอง อ.พนมดงรัก ราคากิโลกรัมละ 180 บาท ทุกสวน เงาะราคา 3 กิโลกรัม 100 บาท ทำให้ชาวสวนต่างยิ้มแย้มด้วยความภาคภูมิใจที่ประสบผลสำเร็จในการปลูกทุเรียนและเงาะ
สำหรับประชาชนที่เดินทางมาเที่ยวชมสวนทุเรียนที่บ้านไทยนิยมพัฒนาแล้ว ยังสามารถขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทตาควาย เป็นปราสาทหินศิลาแลง อยู่ใกล้กับหมู่บ้านไทยนิยมพัฒนา ตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก ได้อีกด้วย หากสนใจเที่ยวชมสวนหรือติอต่อซื้อทุเรียนจากสวน ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ลุงเลือย 06-5274-0113 หรือเบอร์โทร. อบต.บักได 08-7875-3834