บุรีรัมย์ - หนุ่มวัยเบญจเพส จ.บุรีรัมย์ เหยื่อถูกลูกหลงจากกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตะลุมบอนกลางงานแห่บั้งไฟโดนของมีคมฟันคิ้วและปากเย็บกว่า 10 เข็มโร่แจ้งความ ขณะ ตร.รู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว เตรียมเรียกสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (30 พ.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่โลกโซเชียลได้แชร์คลิปภาพเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นตีกันกลางขบวนแห่งานประเพณีบุญบั้งไฟที่บ้านถาวร ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 28 พ.ค. โดยขณะที่มีการจัดขบวนแห่บุญบั้งไฟ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาท ยกพวกตะลุมบอนกันกลางขบวนแห่ ซึ่งนอกจากจะมีการชกต่อยสาวหมัดใส่กันแล้ว ยังมีการใช้อาวุธ และของมีคมทำร้ายร่างกายกันด้วย สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่ประชาชนที่ตั้งใจมาร่วมงานประเพณี โดยในคลิปจะเห็นว่าทั้งชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในงานพยายามตะโกนห้ามและเข้าไปห้ามปราม แต่กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุก็ไม่ฟัง จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งบางคนไม่ได้มีเรื่องกับกลุ่มที่ก่อเหตุ แค่มาเที่ยวชมงานแต่ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บไปด้วย
ล่าสุดวันนี้ นายธนากร ใจภักดี ได้พานายพงศกร ใจภักดี อายุ 25 ปี ลูกชายที่ถูกลูกหลงจากกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตะลุมบอนกันกลางขบวนแห่บั้งไฟบ้านถาวร ต.ถาวร จนถูกของมีคมฟันที่คิ้วและปากบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่ รพ.เย็บกว่า 10 เข็ม เข้าแจ้งความที่ สภ.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
นายพงศกรบอกว่า วันเกิดเหตุตนไปเที่ยวงานกับเพื่อน ขณะที่ยืนดูขบวนแห่บั้งไฟ มีกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวงานชกต่อยตะลุมบอนกัน แล้วจู่ๆ มีวัยรุ่นคนหนึ่งใช้ของมีคมซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นขวานเล็กมาจามที่คิ้วตนจมล้มลง แล้วเตะซ้ำที่ปากอีก จากนั้นเพื่อนก็เข้ามาช่วยและพาส่งโรงพยาบาล ยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องกับใครเลยน่าจะเป็นการทำร้ายผิดคนมากกว่าเพราะตนเพิ่งจะกลับจากกรุงเทพฯ มาอยู่ที่บ้านได้เพียงไม่กี่เดือนไม่เคยมีปัญหากับใคร เพราะส่วนตัวไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และหลังจากกลับมาอยู่บ้านเพิ่งจะออกมาเที่ยวงานกับเพื่อนแต่กลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้สึกตกใจ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า จากการสืบสวนสอบสวนและสอบปากคำพยานพอจะทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วเป็นวัยรุ่นบ้านถาวรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งจะได้เรียกตัวมาสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป