ซากวาฬบรูด้ายาวกว่า 10 เมตร ถูกกระแสคลื่น พัดเกยชายฝั่งบางขุนเทียน สันนิษฐานเป็นวาฬเพศเมีย พบรอยช้ำที่ท้อง ทีมสัตวแพทย์ช่วยกันผ่าซากเพื่อตรวจสอบในกระเพาะอาหารวิเคราะห์หาสาเหตุการตาย
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ชาวบ้านแจ้งเหตุพบซากวาฬบรูด้า ลอยอืดมาติดชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กทม. เขตรอยต่อกับ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายพรเทพ ทองดี ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่าย สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 (สมุทรสาคร) เดินทางไปตรวจสอบ
พร้อมกันนี้ นายสุรศักดิ์ ทองสุกดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) สั่งการให้ น.ส.พัชราภรณ์ เยาวสุต นักวิชาการประมงปฏิบัติการ น.ส.ราชาวดี จันทรา นายสัตวแพทย์ปฎิบัติการ นำทีม เข้าไปผ่าพิสูจน์ซากวาฬดังกล่าว เพื่อค้นหาสาเหตุการตาย
เบื้องต้นสันนิษฐจากรูปร่างภายนอก น่าจะเป็นวาฬเพศเมีย แต่ยังตรวจสอบเพศไม่ได้แน่ชัด เนื่องจากซากวาฬทับส่วนที่เป็นอวัยวะเพศไว้ เป็นวาฬที่โตเต็มที่แล้ว ความยาวกว่า 10 เมตร สัตวแพทย์และทีมช่วยกันผ่าซาก เพื่อตรวจสอบในกระเพาะอาหาร เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุการตาย
ทั้งนี้ เบื้องต้นพบรอยช้ำที่บริเวณท้องวาฬด้วย แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นรอยช้ำที่เกิดขึ้นขณะวาฬยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตแล้ว
นายวัฒนา เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบซากวาฬดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 20 พ.ค. ลอยตามกระแสคลื่นลมมาอยู่บริเวณหน้าร้านอาหารรักทะเลซีฟู้ด ต.พันท้ายนรสิงห์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ทันเข้าตรวจสอบก็มืดลงเสียก่อน แต่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความไว้กับ สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร ไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากวาฬบรูด้ามีสถานภาพเป็นสัตว์สงวน พอเช้าวันนี้ ก็พบว่าคลื่นซัดซากวาฬเข้าไปติดในป่าชายเลน ทางฝั่งบางขุนเทียนแล้ว จึงเข้าทำการพิสูจน์ซาก และจะรวบรวมกระดูกวาฬไปเก็บรักษาไว้ต่อไป
นายวัฒนากล่าวด้วยว่า โดยทั่วไป สาเหตุการตายของวาฬบรูด้า เกิดจากการแก่ตายตามอายุขัย การถูกเรือชน การติดเครื่องมือประมง และการกินขยะพลาสติกเข้าไป ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบว่าอะไรคือสาเหตุที่แน่ชัด