กาญจนบุรี - ชาวตลาดค่ายเชลยศึก พร้อมทนายความ บริษัทเอกชนยื่นหนังสือถึงพ่อเมืองกาญจน์ ขอความยุติธรรมหลังเตรียมสั่งปิดตลาด ปมฝ่ายปกครองบุกตรวจพบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
จากกรณีศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า ที่ตลาดค่ายเชลยศึก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ ติดกับเชิงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ท้องที่ ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีร้านเหล้าปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการ โดยมีพฤติการณ์จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และมีการแสดงดนตรีส่งเสียงดังสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ต่อมา เวลา 23.00 น.ของวันที่ 6 พ.ค. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ร่วมกับ นางสุภาภรณ์ ชมชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปตรวจสอบตลาดค่ายเชลยศึก ตามที่ได้รับร้องเรียน
จากการตรวจสอบพบว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดให้เอกชนบริหารที่ดินในเชิงธุรกิจ มีลักษณะเป็นลานกว้าง พื้นที่โล่งไม่มีหลังคา มีโต๊ะสำหรับบริการลูกค้าประมาณ 130 โต๊ะ โดยมีซุ้มจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวน 3 ร้าน ชื่อร้าน Camp Bar ร้านสะพานดำ และร้านขายเหล้าปั่น
หลังจากตรวจสอบแล้วเสร็จ พนักงานฝ่ายปกครองได้จับกุมผู้จัดการร้านทุกร้าน และกล่าวโทษ บริษัทวิชั่นอินสเปคเตอร์ แอนด์ เอนจิเนียรริ่ง จำกัด ในข้อหา 1.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 2.ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร 3.ส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (จัดโปรโมชันลดราคา) 4.จำหน่ายสุราโดยไม่มีใบอนุญาต โดยพนักงานฝ่ายปกครองได้นำตัวผู้ถูกจับไปทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี ส่วนเด็กและเยาวชนที่มาเที่ยวดื่มกินภายในร้านได้ประสานผู้ปกครองให้มารับตัวพากลับบ้าน และพนักงานฝ่ายปกครองไดรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อพิจารณามีคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติที่ 22/2558 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (17 พ.ค.) ประชาชนกลุ่มผู้ค้าภายในตลาดค่ายเชลยศึก ประมาณ 30-40 ราย ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือให้นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการสั่งปิดตลาดค่ายเชลยศึก เพราะทุกคนได้ขายของอยู่บริเวณดังกล่าวมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2546 ก่อนที่บริษัทเอกชจะได้รับสัมปทานใช้ประโยชน์เชิงธุรกิจในพื้นที่ของการรถไฟฯ แปลงดังกล่าว
การเดินทางมาในครั้งนี้มีนายกนกพิธาน เกิดมี ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท วิชั่น อินสเป็คเตอร์ แอนด์ อินจิเนียริ่ง จำกัด และทีมงานเป็นผู้ยื่นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและโต้แย้งพยานหลักฐานให้ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี โดยมีนายกรกรณ์ อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นตัวแทนรับมอบ
ทั้งนี้ หนึ่งในตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า วันนี้มาเป็นตัวแทนของผู้ค้ารายอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปตรวจสอบตลาดค่ายเชลยศึก ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดจะมีคำสั่งปิดตลาดขอให้ท่านได้โปรดไตร่ตรองพยานหลักฐานให้ครบถ้วนกว่านี้ หรือว่าในส่วนของการกระทำความผิดที่กล่าวอ้างว่ามีการขายแอลกอฮอล์ให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ขอให้เกิดความกระจ่างในชั้นศาลก่อน
"ไม่ใช่แค่เห็นว่ามีในส่วนนั้นแล้วจะสั่งปิดทั้งตลาดเลย เพราะจะทำให้ผู้ค้ารายอื่นได้รับความเดือดร้อน เขาจึงอยากให้ทนายความเข้ามาเป็นคนกลางในการร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้เห็นใจผู้ค้ารายอื่น เพราะถ้าหากมีการสั่งปิดตลาดแล้วเขาจะไปทำมาหากินอะไร จะไปขายของที่ไหน เพราะในส่วนของผู้ค้าทั้งหลายที่อยู่ในตลาดค่ายเชลยศึก เขาทำมาหากินตั้งแต่ พ.ศ.2546 แล้ว"
แต่พอทางบริษัทวิชั่นฯ เข้ามามีการเจรจาให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเพื่อให้ผู้ค้ายังคงอาชีพหารายได้ไปเลี้ยงครอบครัวได้ ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดอาชญากรรมขึ้นในบ้านเมือง เพราะฉะนั้นอยากจะขอให้ท่านผู้ว่าฯ ได้โปรดไตร่ตรองก่อนที่จะมีคำสั่งปิดตามที่ได้ประกาศเอาไว้ ซึ่งทางผู้ที่รับหนังสือไปนั้นแจ้งว่าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ทางเราจะขอติดตามเรื่องให้เร็วที่สุดเช่นกัน เพราะเราไม่อยากให้เรื่องมันเนิ่นนานไปมากกว่านี้
ตั้งแต่ที่มีเหตุการณ์เข้าตรวจค้น ทำให้ตลาดค่ายเชลยศึกซบเซา ชาวบ้านที่เป็นผู้ค้าได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากทำให้ขายของไม่ได้ตามไปด้วย ถามว่าในส่วนของการรถไฟฯ ที่แจ้งให้ระงับการใช้พื้นที่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น เรื่องนี้จากการที่ชาวบ้านได้แจ้งกับทนายความพบว่า เรื่องนี้ทราบแค่เพียงว่าการรถไฟฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาเตรียมลงนาม ในส่วนของเรื่องการพิจารณายกเลิกกันนั้นทางเจ้าของตลาดได้แจ้งกับทางผู้ค้าว่ายังไม่มีเรื่องนี้ลงมาอย่างเป็นทางการ
ด้าน นายกนกพิธาน เกิดมี ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท วิชั่น อินสเป็คเตอร์ แอนด์ อินจิเนียริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 11 พ.ค.65 ทางจังหวัดกาญจนบุรี โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีหนังสือไปปิดที่ร้าน Camp Bar ที่อยู่ภายในตลาดค่ายเชลยศึก โดยกล่าวหาว่าพบการกระทำความผิดในการจำหน่ายสุราให้เด็กอายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์กับผู้ค้าภายในตลาด โดยในหนังสือนั้นผู้ว่าฯ ให้บริษัทวิชั่นฯ ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและให้โต้แย้งพยานหลักฐานโดยให้เวลาทางบริษัทฯ 7 วัน ซึ่งในวันนี้เราได้มายื่นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและโต้แย้งพยานหลักฐานต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
โดยทางเรามองว่าในชั้นสอบสวนผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้นข้อเท็จจริงยังไม่เป็นที่ยุติ เราจึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบทางบริษัทวิชั่นฯ ด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ทางผู้ว่าฯ หรือชุดจับกุมยังไม่มีการเรียกกรรมการของบริษัทฯมาให้ปากคำ เราจึงมาร้องขอว่าให้สอบปากคำข้อเท็จจริงให้ละเอียดก่อนที่จะมีคำสั่งปิดตลาดค่ายเชลยศึก
โดยขณะนี้ผู้ค้ายังสามารถค้าขายได้อยู่ แต่เนื่องจากว่าเมื่อวันที่ 6 พ.ค.มีการเข้ามาบุกค้นในช่วงกลางคืน และลักษณะข่าวที่ออกไปบอกว่าตลาดเชลยศึกถูกปิดไปแล้ว ทำให้ตลาดไม่ค่อยมีผู้คน ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันมาเรียกร้องในวันนี้ สำหรับเรื่องของการรถไฟฯ นั้น ทางบริษัทฯ มีสิทธิในการใช้พื้นที่อยู่แล้วตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งในข่าวที่ออกไปว่าเราบุกรุกพื้นที่การรถไฟฯ ไม่เป็นความจริง
แม่ค้ารายหนึ่งกล่าวว่า การรวมตัวเดินทางมาในวันนี้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตลาดค่ายเชลยศึก พวกเราเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในตลาด ส่วนตัวเราเองเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ซึ่งภายในตลาดมีทั้งแม่ค้าขายหมวก ขายลูกชิ้น ขายเฟรนช์ฟราย ขายผลไม้ ขายยำ ขายผัก รวมทั้งขายส้มตำและอีกหลายอย่างที่เป็นอาหารการกิน พวกเราเป็นตลาดใครจะเข้ามาซื้ออะไรก็ได้
ซึ่งเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ทำไมมาสั่งปิดตลาดของพวกเรา หรือกำลังจะสั่งปิดตลาด การมาในวันนี้เรามาแค่ร้องขอความยุติธรรมให้พวกเรากันเอง ซึ่งพวกเราขายของตรงนี้มานานแล้วตั้งแต่ตลาดเปิด ท่านเป็นพ่อเมืองแต่ไม่ปกป้องลูกบ้านเลย พวกเราจะไปทำกินที่ไหนถ้าเกิดท่านสั่งปิดตลาดขึ้นมาจริงๆ พวกเราขอฝากไปถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัดว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีนั้นเปรียบเสมือนเป็นพ่อของพวกเราทุกคน พวกเราจึงขอฝากชีวิตเอาไว้และอย่าได้สั่งปิดตลาดของพวกเราเลย