กาญจนบุรี - ทนายความตลาดค่ายเชลยศึก ออกแถลงการณ์แจ้งสื่อให้นำเสนอข่าวสองด้าน หลังถูกฝ่ายปกครองเข้าจับกุมกลางดึกปมจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เยาวชน
จากกรณีเมื่อวันที่ 6 พ.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้เข้าทำการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายอัฒฐวุฒิ แก้วทอง ซึ่งให้การว่าเป็นลูกจ้างของบริษัท วิชั่น อินสเป็คเตอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มีหน้าที่ดูแสรับผิดชอบร้าน Camp Bar นายสายชล ชำนาญกุล ซึ่งให้การว่าเป็นลูกจ้างของบริษัท วิชั่น อินสเป็คเตอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบร้านสะพานดำ และ น.ส.สุวิมล คำเงิน เจ้าของร้านเหล้าปั่น เปิดให้บริการอยู่ในพื้นที่ของร้านตลาดค่ายเชลยศึก
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐาน "ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการส่งเสริมการขาย ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือนำจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด ยุยงส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสียงต่อการกระทำความผิด โดยการจำหน่ายสุราแก่เด็ก จำหน่าย แลกเปลี่ยน หรือให้สุรา หรือบุหรี่แก่เด็ก จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ และขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 และเป็นการกระทำที่ขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ลงวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2558 ข้อ 4 (1) (2) วรรคสองและวรรคสี่ และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 50 ลงวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2502 ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุด วันนี้ (14 พ.ค.) พบว่าตลาดค่ายเชลยศึกได้ออกแถลงการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กถึงสื่อมวลชนทุกแขนง ซึ่งแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวนั้นลงนามโดย นายกนกพิธาณ เกิดมี ทนายความผู้รับมอบอำนาจ บริษัท กฎหมายฐิตธรรม จำกัด เนื้อหาระบุว่า
“แถลงการณ์ ฉบับที่ 2 เลขที่ กจ.002/2565 วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 เรียนพี่น้องสื่อสารมวลชนทุกแขนง ด้วยบริษัท วิชั่น อินสเป็คเตอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ผู้ได้รับสิทธิในการเช่าพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณที่หยุดรถเขาปูน เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและบริหารที่ดินในเชิงธุรกิจ และได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่เมื่อวันที่ 1มีนาคม 2562 ตามหนังสือเลขที่ รฟ.1/248/2562 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2562 โดยนายประยูร สุขดำเนิน รองผู้อำนวยการฝ่ายด้านการบริหาร รักษาการแทนผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ปฏิบัติการแทนผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย
และบริษัทวิชั่นฯ ได้เข้าใช้พื้นที่โดยสำรวจพื้นที่ ปรับปรุง และพัฒนาพื้นที่จากที่ดินบางส่วนถูกบุกรุก บางส่วนรกร้าง เป็นแหล่งสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม จนสามารถพัฒนาและปรับปรุงและทำเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย โดยลงทุนด้านสาธารณูปการเข้าพื้นที่ดังกล่าวครบสมบูรณ์ และได้กระทำการอย่างเปิดเผย การดำเนินการของบริษัทวิชั่นฯ เป็นการทำตามกรอบระเบียบวิธีการปฏิบัติกันระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย กับบริษัท วิชั่น อินสเป็คเตอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งมอบพื้นที่
ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งทางบริษัทวิชั่นฯ ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆ และเช่นเดียวกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย จึงได้ขอความอนุเคราะห์จากการรถไฟแห่งประเทศไทยขอให้กำหนดมาตรการความช่วยเหลือจากการได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVD-19) ดังกล่าว
บริษัทวิชั่นฯ ขอเรียนชี้แจงว่า มิได้กระทำการบุกรุกที่การรถไฟแห่งประเทศไทยตามที่ถูกกล่าวอ้างอย่างในสื่อสารมวลชนบางสื่อให้ข่าวเป็นการจงใจใส่ความแต่อย่างใด เป็นการอยู่ระหว่างการบริหารสัญญาระหว่างคู่สัญญาตามกระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมายที่เป็นไปตามเหตุผล และความจำเป็นที่เกิดขึ้นระหว่างคู่สัญญา จึงขอเรียนยืนยันว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ในความครอบครองและอยู่ในความรับผิดชอบตามสิทธิตามกฎหมายที่ได้รับมาจากการรถไฟแห่งประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ที่มาของการจัดตั้งตลาดค่ายเชลยศึกเกิดขึ้นจากการรวมตัวของประชาชนชาวกาญจนบุรีในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และชาวบ้านบางส่วนที่ได้เคยใช้พื้นที่ดังกล่าวมาก่อนที่บริษัทวิชั่นฯ จะได้รับการอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่ ซึ่งได้ประกอบอาชีพค้าขายเล็กน้อย ไม่มีรายได้เป็นหลักแหล่ง มีความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในลักษณะหาเช้ากินค่ำ เมื่อบริษัทวิชั่นฯ เข้ามาทราบปัญหาต่างๆ ก่อนดำเนินการพัฒนาและปรุงปรุงพื้นที่ จึงมีการเจรจากันเพื่อหาข้อยุติเพื่อลดผลกระทบ และให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
โดยไม่มีข้อขัดแย้งหรือแตกความสามัคคี จึงสร้างพื้นที่ส่วนกลางขึ้นเพื่อจัดให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามาค้าขายตามที่ตนถนัด มีลักษณะเป็นเพิงชั่วคราวสามารถกันร้อน กันฝนได้ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้และสร้างความเป็นอยู่ สร้างรายได้ให้ชุมชน โดยบริษัทวิชั่นฯ มิได้คิดค่าเช่าหรือค่าตอบแทนและแสวงหากำไรใดๆ จากประชาชนที่เข้ามาทำการค้าในบริเวณดังกล่าว อีกทั้งบริษัทวิชั่นฯ ยังต้องรับภาระเรื่องค่าใช้จ่าย เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าจ้างชาวบ้านในพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัยสำหรับการปกป้องดูแลพื้นที่ให้เกิดความเรียบร้อยและสงบสุขมาโดยตลอด ด้วยอาศัยความมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่
โดยยึดถือหลักการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่มาโดยตลอด ที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับคำแนะนำ หรือได้รับการตักเตือนใดๆ จากหน่วยงานในพื้นที่ จึงเห็นว่าไม่มีเหตุ หรือแรงจูงใจที่พี่น้องประชาชนคนพื้นที่จะมีความตั้งใจจะกระทำผิดต่อกฎหมาย และบริษัทวิชั่นฯ มิได้กระทำหรือสนับสนุนให้มีการกระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ซึ่งตามที่สื่อสารมวลชนบางสื่อนำข้อมูลที่ได้จากกลุ่มบุคคลไปลงข่าวในลักษณะประจานบริษัทวิชั่นฯ ให้เสียชื่อเสียง จงใจให้เกิดความเสื่อมเสียและเสียหายต่อบริษัทวิชั่นฯ โดยสถานภาพของพื้นที่ดังกล่าวได้รับอนุญาตเป็นตลาดเอกชนโดยถูกต้องตามกฎหมายและด้วยความร่วมมือร่วมใจกับคนในพื้นที่ช่วยเหลือกันได้ดำเนินการสร้างสรรค์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวจนเป็นสถานที่สำคัญของการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวที่จะต้องแวะมาเยี่ยมเยือนตลาดค่ายเชลยศึกแห่งนี้ และแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ในช่วงวิกฤตในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมาก ตลาดแห่งนี้ยังคงยืนหยัด ร่วมแรงร่วมใจต่อสู้ ช่วยเหลือจนผ่านพ้นเหตุการณ์ดังกล่าวมาได้ และอยู่ในช่วงที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
แต่ปรากฏเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 เหตุเกิดเวลาประมาณ 23.15 น. มีกลุ่มบุคคลที่กล่าวอ้างว่าเป็นฝ่ายปฏิบัติการพิเศษส่วนกลางของกรมการปกครอง สนธิกำลังกับฝ่ายปกครองจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีหน่วยราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมปิดล้อม ตรวจค้น จับกุมนักท่องเที่ยว กลุ่มบุคคลที่ใช้บริการในตลาดค่ายเชลยศึก สั่งให้ทุกคนห้ามออกจากพื้นที่ในลักษณะกักขังหน่วงเหนี่ยวกลุ่มผู้ประกอบการ และประชาชนที่มาใช้บริการ รวมถึงการปิดพื้นที่พร้อมไล่คนที่มาใช้บริการในพื้นที่ออกจากตลาดจนเวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืนของวันดังกล่าว
โดยกล่าวอ้างว่าขอตรวจสอบบัตรประชาชนของบุคคลทุกรายในตลาดแห่งนี้ ซึ่งทำให้เกิดความชุลมุน วุ่นวาย และได้ปิดล้อมจับกุมกลุ่มบุคคลบางส่วนเพื่อนำตัวไปสอบสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของพื้นที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของตลาดค่ายเชลยศึกด้วย ซึ่งในกลุ่มบุคคลที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าถูกจับกุมได้ซัดทอดว่าได้ซื้อสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในตลาดนั้น ซึ่งบริษัทวิชั่นฯ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยหลายประการ ซึ่งต้องมีการพิสูจน์และแสวงหาข้อเท็จจริง
โดยจะต้องพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม และปัจจุบันยังมิได้ข้อยุติตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่ของตลาดค่ายเชลยศึกได้ถูกกลุ่มคนที่กล่าวอ้างว่าเป็นฝ่ายปกครองควบคุมตัว กักขัง หน่วงเหนี่ยวโดยไม่ได้ให้โอกาสได้พบหรือติดต่อกับทนายความ หรือบุคคลที่ไว้วางใจ ณ สถานที่ทำการนอกเวลาราชการ ตั้งแต่เวลา 01.00 น. จนถึงเวลา 11.00 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 10 ชั่วโมงอันเกินสมควร โดยพฤติการณ์ดังกล่าวฝ่ายกฎหมายของบริษัทวิชั่นฯ จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าได้มีการดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนตามกฎหมายหรือไม่อย่างไรต่อไป
ดังนั้น เพื่อให้พี่น้องสื่อสารมวลชนเกิดความเข้าใจในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยขอความเป็นธรรม และขอโอกาสที่จะได้โต้แย้งแสดงหลักฐานในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลอันเป็นสถาบันที่ดำรงความยุติธรรมและน่าเชื่อถือตามกระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมายที่ถูกต้อง จึงขอความกรุณาในการเสนอข่าวอีกด้านที่ได้ขี้แจงในข้างต้นเพื่อให้ประชาชนคนทั่วไป และผู้ที่จะมาท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี จะได้รับทราบข้อมูลที่เป็นธรรมกับบริษัทวิชั่นฯ และผู้ค้าในตลาดค่ายเชลยศึก ข้อมูลที่ปรากฏในขณะนี้เป็นการเสนอข่าวในด้านเดียว จากแหล่งข้อมูลซึ่งเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีกับบริษัทวิชั่นฯ มีลักษณะจงใจ ใส่ร้าย ใส่ความและบิดเบือนข้อเท็จจริง มุ่งกล่าวเท็จทำให้บริษัทวิชั่นฯ เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง กระทบต่อการประกอบธุรกิจและชื่อเสียงของบริษัทวิชั่นฯ ซึ่งอาจจะไม่สามารถแก้ไขและเยียวยาได้ในภายหน้า
จึงกราบขอความกรุณาสื่อมวลชนได้โปรดให้ความยุติธรรม โดยเมื่อได้มีการพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นไปตามกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมายในศาลยุติธรรมจนเป็นผลแห่งคดีถึงที่สุด และมีข้อเท็จจริงยุติแล้วจึงนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นต่อประชาชนต่อไป จักขอบพระคุณยิ่ง และปัจจุบันบริษัทวิชั่นฯ พ่อค้า แม่ค้า ชุมชน รวมถึงคนเมืองกาญจน์ตกเป็นจำเลยสังคม เสียชื่อเสียง เกิดความเสียหายอย่างมาก จึงขอความอนุเคราะห์ให้พี่น้องสื่อมวลชนให้ความเมตตาและให้ความเป็นธรรมในการเสนอข่าวดังกล่าวด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง
ส่วนกรณีที่มีบุคคลใดนำข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์โดยนำไปเผยแพร่ในลักษณะบิดเบือนกล่าวเท็จ เจตนาจะสร้างความเสียหาย ใส่ร้าย ใส่ความ หรือนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อสื่อสารมวลชนต่างๆ ที่มีลักษณะจะให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่บริษัทวิชั่นฯ และผู้ค้าในตลาดค่ายเชลยศึก รวมทั้งทำให้เสียชื่อเสียงและก่อให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยว