xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งป้ายปิดตาย! สำนักเพี้ยนสุดแหวะ ตร.จ่อฟัน “พระบิดา” อีกหลายข้อหา สาวกเผ่นเกลี้ยง เร่งช่วยสัตว์ถูกทิ้งอื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชัยภูมิ - ติดตั้งป้ายใหญ่ปิดตายสำนักเพี้ยนสุดแหวะ เตรียมเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนเนื้อที่กว่า 26 ไร่ เผยเหล่าลูกศิษย์สาวก “พระบิดา” พากันขนของเผ่นออกจากพื้นที่หมดเกลี้ยง ด้านปศุสัตว์เร่งช่วยสัตว์ป่า-สัตว์เลี้ยง กวาง วัว ควาย เป็ด ไก่ สุนัข แมว กว่า 100 ตัวถูกทิ้งคาสำนัก ตำรวจจ่อฟัน “พระบิดา” เพิ่มอีกหลายข้อหา ขณะเจ้าลัทธิเพี้ยนยังล่องหน

ความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมด้วย นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ “หมอปลา” บุกเข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมอาศรมฤาษีประหลาด ตั้งอยู่ในป่าที่สาธารณะหมู่บ้านกุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มี นายทวี หนันลา อายุ 74 ปี หรือ “ฤาษีโจเซฟ” เหล่าลูกศิษย์สาวกเรียกว่า “พระบิดา” อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ที่ 1 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น เป็นเจ้าสำนักฯ เปิดรักษาโรคทุกชนิดด้วยวิธีสุดสะเอียน ด้วยการให้สาวกและคนไข้ดื่มกินน้ำปัสสาวะ อุจจาระ เสมหะ และขี้โคล ของเจ้าสำนักฯ รวมทั้งยาสมุนไพรที่หมักดองไว้นับ 100 โอ่ง และพบเก็บร่างผู้เสียชีวิตบรรจุในโลงศพไว้ถึง 11 ศพ อ้างรอการขึ้นสวรรค์


เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว นายทวี หนันลา หรือ “พระบิดา” ไปสอบสวนดำเนินคดีที่ สภ.คอนสาร เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหา บุกรุกที่สาธารณะ และชุมนุมมั่วสุมเสี่ยงต่อการแพร่โรคฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกฉิน พนักงานสอบสวนนำตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดภูมิเขียวและศาลอนุญาตให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เงินสด 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา และวันที่ 10 พ.ค. เจ้าหน้าที่นำกำลังพร้อมหมายศาลเข้าตรวจภายในสำนักประหลาดรอบสอง พบมีการผลิตสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารส่งขาย ทั้งปลาร้า น้ำพริกปลาร้าแมงดา ปลากรอบ ขนมต่างๆ ใช้ตรายี่ห้อ “แซบหลาย” ที่กระบวนการผลิตสกปรก ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่มีเครื่องหมาย อย. เป็นจำนวนมาก รวมทั้งการแปรรูปไม้หวงห้ามด้วย ขณะที่นายทวี หรือ “พระบิดา” หลังศาลให้ประกันตัวยังหายตัวล่องหนจนถึงขณะนี้


วันนี้ (11 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทางจังหวัดชัยภูมินำเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมหมายศาลเข้าตรวจสอบค้นอายัดหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมาย พร้อมสั่งปิดและให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดภายในสำนักฯ ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสาธารณะรวมเนื้อที่กว่า 26ไร่ ให้เสร็จภายใน 10 วัน และให้กลุ่มลูกศิษย์สาวกที่อยู่ภายในออกจากพื้นที่ทั้งหมดแล้ว

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นป้ายประกาศองค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง เรื่อง กำหนดพื้นที่หวงห้ามเข้า-ออก มาติดตั้งไว้บริเวณทางเข้าด้านหน้าสำนักลัทธิประหลาดดังกล่าว โดยมีข้อความระบุว่า ด้วยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2565 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอคอนสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคอนสาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบ สำนักฤาษี พระบิดา ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ ในหมู่บ้านกุดแคน หมู่ที่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ซึ่งพบว่ามีการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยมีลักษณะเป็นกระท่อม เพิงหลังคามุงหญ้า จำนวน 22 หลัง และมีคนพักอาศัยเป็นประจำอยู่ประมาณกว่า 30-50 คน ในจำนวนเนื้อที่ 26-45 ไร่


โดยมีฤาษี อ้างตัวเป็นพระบิดา ผู้เป็นใหญ่กว่าทุกศาสนาดังกล่าว หรือ นายทวี หนันลา อายุ 74 ปี เป็นเจ้าสำนักปกครองดูแลอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมานานนับกว่า 10 ปี และจากการตรวจสอบภายในอาคารพบว่ามีการนำศพมาเก็บไว้ในโลงกระจายอยู่ตามกระท่อมแต่ละแห่งรวม 11 ศพ

จึงอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34 เรื่อง การกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะที่อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป ประกอบกับคำสั่งจังหวัดชัยภูมิที่ 714/2565 เรื่อง มาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดของจังหวัดชัยภูมิ

จึงขอประกาศให้พื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทดังกล่าวเป็นพื้นที่หวงห้ามเข้า-ออก หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายในลัทธิประหลาดวันนี้หลังจากมีการปิดทางเข้า-ออกแล้ว ทางผู้ที่นับถือลัทธิดังกล่าวได้ขนย้ายสิ่งของออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงเศษขยะ สิ่งของสกปรก กระจัดกระจายบริเวณด้านใน ไม่ว่าจะเป็นกระท่อมหลังใหญ่ หรือกระท่อมหลังเล็กที่ตั้งอยู่โดยรอบ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณลัทธิประหลาดแห่งนี้

ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เก็บผลิตภัณฑ์สินค้า อาหารต่างๆ ที่คาดว่าเป็นสิ่งของที่สำนักประหลาดนำไปขายให้ชาวชุมชนใกล้เคียงออกไปทั้งหมด เพื่อไปตรวจสอบและทำลายทิ้ง เพราะเสี่ยงต่อการนำไปบริโภคทำให้เกิดการติดเชื้ออันตรายในร่างกายได้


จากนั้น นายสัญญา แสนเภา นักทรัพยากรบุคคล องค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงภายในสำนักฯ ว่า เจ้าหน้าที่พร้อมให้การช่วยเหลือในการขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในสำนักฯ ส่วนรถที่ใช้ขนย้ายสิ่งของกลับภูมิลำเนา ขอให้ทางผู้ที่จะขนย้ายนำมาเอง

นายสัญญา แสนเภา นักทรัพยากรบุคคล อบต.ดงกลาง เปิดเผยว่า หลังจากที่ออกมาประกาศเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และเป็นไปตามคำสั่งตามที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าชาวลัทธิดังกล่าวนี้ได้ออกจากพื้นที่ไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค. 65 แต่ยังมีสิ่งของที่ยังคงหลงเหลืออยู่ หากใครต้องการกลับมาเก็บกลับคืนไปด้วย ทาง อบต.ดงกลางก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือหรือขนย้ายออกไปให้ ก่อนทำการเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดให้เสร็จภายใน 10 วัน


ทางด้าน นางศรีสมัย โชติวณิช ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานปศุสัตว์ ที่พบว่ามีสัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง ถูกปล่อยทิ้งไว้ในพื้นที่ภายในสำนักประหลาดดังกล่าวจำนวนมากกว่า 100 ตัว นั้น ได้ส่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เข้าร่วมตรวจสอบ พบว่าในพื้นที่ภายในสำนักประหลาดมีสาวกหรือลูกศิษย์นำสัตว์มาเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร และเลี้ยงขาย หลายประเภท ประกอบด้วย โค (วัว) 11 ตัว กระบือ (ควาย) 5 ตัว กวางพันธุ์รูซา 15 ตัว ไก่ไข่ประมาณ 35 ตัว ไก่พื้นเมืองและไก่งวงอีกจำนวนหนึ่งที่กระจายอยู่ตามต้นไม้ในพื้นที่ เป็ดเทศประมาณ 17 ตัว สุนัขประมาณ 80 ตัว แมว 20-28 ตัว อีกัวน่า 1 ตัว หนูตะเภา จำนวน 24 ตัว

ในเบื้องต้นได้นำอาหาร คือฟางแห้งอัด 6 ก้อนไปให้วัว ควายได้กินเป็นอาหารไปก่อน ซึ่งได้แจ้งผู้เป็นเจ้าของสัตว์ โค-กระบือ หากจะนำออกไปเลี้ยงให้มาติดต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และหาหลักฐานการเป็นเจ้าของผู้ครอบครองมายื่นต่อฝ่ายปกครอง ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงก่อน ส่วนกวางพันธ์รูซา จะประสานสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ จ.ชัยภูมิ เข้ามารับช่วยนำไปดูแล ส่วน สุนัข แมว ต้องนำมาทำหมัน ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้ครบทุกตัว พร้อมหาผู้อุปการะที่ต้องการนำไปเลี้ยงต่อไป


ขณะที่ นพ.วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ชัยภูมิ กล่าวว่า ขอฝากแจ้งเตือนประชาชนที่พบสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหาร ทั้งปลาร้า น้ำปลาร้า ข้าวเกรียบ ปลาแห้ง ปลากรอบ และขนมต่างๆ ที่ผลิตจากสำนักประหลาดดังกล่าว หากมีการซื้อไปบริโภคและเกิดอาการเจ็บป่วย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมได้ เพื่อที่จะได้ติดตามเก็บตัวอย่างมาตรวจสอบว่ามีความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค หรือมีความเสี่ยงในการนำไปบริโภคว่ามีเชื้อรุนแรงต่อสุขภาพหรือไม่ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคในครั้งนี้

ส่วนความคืบหน้าทางด้านการดำเนินคดี พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เปิดเผยว่า หลังจากเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อนายทวี หนันลา หรือ พระบิดา เจ้าสำนักฯ ไปแล้ว 2 ข้อหา คือ ข้อหาบุกรุกป่าพื้นที่สาธารณะ ที่ทางป่าไม้ตรวจสอบพบมีการบุกรกรวม 26 ไร่ และข้อหาร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งใน 2 ข้อหาเบื้องต้นที่มีการนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลฝากขัง แต่ศาลได้อนุมัติให้ได้รับการประกันตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 65 ที่ผ่านมาและยังไม่ปรากฏตัวอีกนั้น


ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกหลายข้อหา ทั้งข้อหาการรักษาโรค ผิด พ.ร.บ. เวชกรรม ที่ไม่เป็นไปตามหลักสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ สสจ.ที่เกี่ยวข้อง ยังรอรวบรวมพยานหลักฐานอยู่, ข้อหาการเคลื่อนย้ายศพจัดการศพ ที่พบศพรวม 11 ศพ ภายในสำนักฯ ที่ยังรอผลตรวจพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ที่ยังไม่มีการแจ้งผลตรวจพิสูจน์มา รวมถึงกรณีมีการนำน้ำเหลืองจากศพมาใช้รักษาโรคที่ผิดกฎหมายด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย


รวมทั้งความผิดอีกหลายข้อหาที่พบจากการเข้าตรวจค้นพื้นที่สำนักดังกล่าวรอบที่ 2 ตามหมายศาลเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่พบทั้งมีการผลิตอาหาร ยารักษาโรค จำหน่ายที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ผ่านการรับรองจาก อย. ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสารรอผลตรวจหาเชื้อและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันมาอยู่ในขณะนี้

อีกทั้งยังพบมีการแปรรูปตัดไม้หวงห้าม หรือไม้พะยูง ในพื้นที่สำนักดังกล่าวจำนวนมากหลายสิบท่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบรวบรวมหลักฐาน และรอส่งตัวแทนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพิ่ม ทั้งหมดนี้จึงยังไม่สามารถแจ้งข้อหาผู้ต้องหาเพิ่มได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พร้อมรับดำเนินคดีเพิ่มเติมและเชิญตัวเจ้าสำนักลัทธิรักษาโรคประหลาดรายนี้มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามขั้นตอนกฎหมายได้ทันที


















กำลังโหลดความคิดเห็น