พิษณุโลก - "จุติ" สั่งให้รองอธิบดี-จนท.พม.พัวพันคดีค้ากามสุราษฎร์ฯ ออกนอกพื้นที่แล้ว ตั้งปลัด พม.เป็นประธาน พร้อมดึงองค์กรนักกฎหมายสตรีภาคเอกชนร่วมเป็นคณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริง เผยเรื่องฉาวเกิดปลายปี 64 แต่พื้นที่ไม่รายงานเข้ากระทรวงฯ
วันนี้ (6 พ.ค. 65) นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม.ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบบ้านใหม่เพิ่งสร้างเสร็จ ตามโครงการสังฆประชานุเคราะห์ ที่คณะสงฆ์จังหวัดพิษณุโลก ร่วมสร้างบ้านให้กับคนที่ถูกไฟไหม้บ้าน ให้กับ น.ส.จำรัส สระทองแว่น ณ บ้านเลขที่ 72 หมู่ 12 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก
โอกาสนี้ นายจุติเปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี ‘บิ๊กโจ๊ก’ จับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์ ที่นำเด็กมาแสวงหาประโยชน์ทางเพศ 5 ราย โดยมีผู้ใช้บริการ 11 ราย และมีรองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนได้โทรศัพท์สั่งเกลี้ยกล่อมเด็กเหยื่อคดีค้ามนุษย์ช่วยผู้ต้องหา ทั้งๆ ที่ควรดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเด็กและครอบครัว จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากมอบหมายให้ปลัด พม.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายจุติระบุว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2564 มีการสอบสวนจนมาถึงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ทางตำรวจได้บันทึกการให้การของผู้เสียหาย ซึ่งมีทั้งหมด 9 ราย
ประเด็นก็คือ เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่เงียบๆ เพราะว่าต้องคุ้มครองสิทธิของผู้เเสียหาย ประชาชนอาจจะไม่ได้เห็นอะไรที่ทาง พม.ได้ดำเนินการไป โดยอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนทำงานอยู่แล้ว
แต่เนื่องจากวันนี้มีเหตุการณ์พัฒนาขึ้นมาว่า อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องจากเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. จึงอยากให้ประชาชนได้มั่นใจว่ากระบวนการที่เราทำอยู่นั้นได้คุ้มครองป้องกันและจัดการกับการกระทำละเมิดทางเพศอย่างเด็ดขาดเสมอมา ด้วยคณะกรรมการที่มีอยู่แล้วในระบบ
และเพื่อให้การดำเนินการนอบสนองความรู้สึกของประชาชน จึงมีคำสั่งตั้งคณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริงซึ่งมีปลัด พม.เป็นประธาน และเชิญภาคประชาชนคือสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมาย รวมทั้งประธานมูลนิธิสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายมาร่วมด้วย
ซึ่งหากประชาชนท่านใดมีความไม่มั่นใจในระบบราชการ ก็จะมั่นใจองค์กรภาคประชาชนมาร่วมงาน จึงรับรองว่า มีความโปร่งใส เป็นธรรม นำข้อเท็จจริงมาสู่การจัดการปัญหาอย่างเร่งด่วน
“ขอให้มั่นใจ คณะทำงานชุดนี้จะทำงานแบบรวดเร็ว กระบวนการจัดการกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ พร้อมสั่งการให้กับฝ่ายกฎหมายของกระทรวง หัวหน้าคณะผู้ตรวจทั้ง 6 เขตที่รับผิดชอบทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ จ.สุราษฎร์ เท่านั้น ได้ไปทำความเข้าใจและกำชับว่าการล่วงละเมิดทางเพศนั้นให้เกิดขึ้นไม่ได้ ทุกคนต้องปรับปรุงการทำงานเพื่อให้ตอบสนองความต้องการประชาชนและให้ประชาชนมั่นใจว่า หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก สามารถพึ่งพาองค์กรภาคประชาชนที่ทำงานร่วมกับทางกระทรวง พม. ได้”
ประการที่ 2 คือ ปลัด พม.ได้หารือแล้วว่าจะหารือกับอธิบดีสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาปฏิบัติหน้าที่นอกพื้นที่ เพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นเป็นไปด้วยความโปร่งใสและทำได้เต็มที่
ประการที่ 3 อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวก็พิจารณาร่วมกับกรมกิจการเด็กเยาวชนว่าถ้าจำเป็น จะหารือกันหรืออาจจะนำผู้เสียหายออกมาจากพื้นที่เพื่อให้ปลอดภัยและก็ได้ดำเนินการเรื่องนี้ได้อย่างจริงจัง
“ตอนนี้ปลัด พม.ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาปฏิบัติหน้าที่นอกพื้นที่แล้ว คำสั่งมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้มั่นใจว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 มีการสอบสวนเรื่อยมา แต่ขอยอมรับตรง ๆ ว่าส่วนกลางไม่ค่อยรับทราบเรื่องเพราะไม่มีการรายงานมาจากพื้นที่ จนมีเรื่องเกิดขึ้นถึงรายงานเข้ามา กระทรวง พม.นั้นไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานเรื่องล่วงละเมิดทางเพศมีเคสอยู่ตลอดเวลาทุกสัปดาห์ แต่เมื่อประชาชนต้องการความมั่นใจ ให้เกิดความรวดเร็ว ความโปร่งใส ความจริงจังความเด็ดขาด จึงมีคณะทำงานนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา”
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า รองอธิบดีที่มีข่าวเจ้าเกี่ยวข้องนั้น นายจุติ รมว.พม. กล่าวว่า ก็ไม่เว้นต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงหมดทุกคน ก็จะมีคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ ทุกคนก็จะต้องมาปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้โอกาสคนที่ได้รับมอบหมายเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริง ได้ทำงานได้อย่างเต็มที่และรวดเร็ว
“การที่กระทรวง พม.เชิญภาคเอกชนคือ สมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมาย ซึ่งมีนักกฎหมายสตรีทั้งนั้น เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ผู้เสียหายทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองและได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน และเรื่องนี้จะไม่มีมวยล้มแน่”