บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ นำหมายศาลเข้าจับกุมเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตบังคับนักเรียน ม.3 ค้ากาม ขณะเดินทางมาโรงพักพร้อมหญิงสาวอ้างว่าเป็นคนรู้จักกับผู้เสียหายมาเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์เสี่ย เบื้องต้นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยันไม่เคยให้เด็กยืมเงิน กระทำชำเราหรือบังคับขายบริการ อ้างถูกกลั่นแกล้งต้นทุนสูงไม่ยุ่งเรื่องแบบนี้ พร้อมสู้คดีในชั้นศาล
วันนี้ (28 เม.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ลูกบุญธรรม ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.3 ใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ และแจ้งความร้องทุกข์ โดยอ้างว่าน้องถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทรายบังคับให้ขายบริการให้แขกที่เข้ามาพักในรีสอร์ตของตัวเอง เพื่อขัดดอกหลังจากที่น้องไปยืมเงินเสี่ย 6,300 บาท เพื่อนำไปเป็นค่ารักษาย่าวัย 70 ปีที่ป่วยต้องผ่าตัดด่วน พอเด็กไม่ยอมไปรับแขกตามที่สั่งเสี่ยก็ขู่ว่าจะแจ้งความที่ยืมเงินแล้วไม่จ่าย ทั้งจะประจานให้อับอาย น้องผู้เสียหายจึงจำใจต้องทำ โดยไปรับแขกตามที่เสี่ยเจ้าของรีสอร์ตสั่งทั้งหมด 4 ครั้ง จนเด็กทนไม่ไหวและต้องการหยุดแต่ถูกขู่ไม่มีใครช่วยได้ อ้างรู้จักตำรวจทั้งโรงพักนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เติมสุข ผู้กำกับการ สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พีระพล หวนระลึก ผู้กำกับการสืบสวน สภ.ละหานทราย นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ออกติดตามจับกุมตัว นายวีรวงศ์ หรือเฮียวินัย อายุ 62 ปี เจ้าของรีสอร์ตซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกหมายจับในคดีดังกล่าว ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับออกติดตามตัวผู้ต้องหา นายวีรวงศ์ หรือเฮียวินัย ผู้ต้องหาตามหมายจับได้เดินทางมาที่ สภ.ละหานทราย พอดีหลังเจ้าตัวทราบว่ามีหมายจับเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หลบหนี รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.ละหานทรายจึงได้แสดงตัวพร้อมอ่านหมายจับให้ผู้ต้องหารับทราบ
โดยนายวีรวงศ์ หรือเฮียวินัย ถูกออกหมายจับฐานความผิด 4 ข้อหา ประกอบด้วย “กระทำอนาจารบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พยายามข่มขืนกระทำชำเราบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และกระทำความผิดฐาน “ค้ามนุษย์”
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายวีรวงศ์ ผู้ต้องหาไปทำบันทึกจับกุม ก่อนส่งตัวให้ ร.ต.อ.อนุสรณ์ ศรีพรหม พนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย เจ้าของคดี เพื่อทำการสอบปากคำตามขั้นตอน โดยเบื้องต้นได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง ทั้งเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
นายวีรวงศ์ หรือเฮียวินัย ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามหมายศาลว่า ตนเองถูกกลั่นแกล้งเพราะผู้เสียหายเป็นเด็กตนไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ก็พร้อมไปแก้ต่างและต่อสู้คดีในชั้นศาล เมื่อถามว่าเด็กได้ยืมเงินเฮียจริงหรือไม่ เฮียก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ยืมกับตนเอง แต่ยืมกับน้องผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้เสียหาย ซึ่งวันนี้เฮียก็พามาเป็นพยานด้วย โดยไม่ได้ยืมเป็นก้อนแต่ทยอยยืมครั้งละ 500 บ้าง 1,000 บาทบ้าง และยืนยันว่าไม่เคยกระทำชำเราน้องผู้เสียหาย และไม่เคยบังคับขายบริการให้แขกตามที่ถูกกล่าวหา เพราะรีสอร์ตของตนเองเป็นสถานที่เปิดเผย ทุกอย่างที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ทั้งยังพูดทิ้งท้ายด้วยว่า “ชีวิตผมต้นทุนสูงขนาดนั้นจะไปทำอะไรกับเรื่องแบบนี้”
ขณะที่ น.ส.เมย์ (นามสมมติ) หญิงสาวซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ผู้เสียหาย ที่ผู้ต้องหาพามาเป็นพยาน ให้ข้อมูลว่า ตนเองรู้จักกับน้องผู้เสียหายเพราะน้องมาขออาศัยอยู่ด้วยเพราะเคยทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งด้วยกัน โดยตอนที่น้องมาขออาศัยอยู่น้องบอกว่าถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน ด้วยความสงสารจึงให้อาศัยอยู่ด้วย ไม่คิดว่าน้องจะทำแบบนี้
เมื่อถามว่าได้แนะนำให้น้องไปยืมเงินกับเสี่ยจริงหรือไม่เธอก็บอกว่าไม่เป็นความจริง โดยน้องไม่ได้ไปยืมเงินจากเฮียโดยตรง แต่จะยืมผ่านตนเองทั้งหมด โดยน้องอ้างว่าติดโควิด-19 ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์การเรียนก็เลยมายืมเงินกับตนเอง แล้วตนไปยืมกับเฮียให้อีกที และไม่ได้ยืมเป็นก้อน 6,300 บาทตามที่น้องอ้าง แต่ยืมหลายครั้ง ครั้งละ 500 บาทบ้าง 1,000 บาทบ้าง แล้วตนไม่เชื่อว่าน้องจะยืมไปรักษาย่าตามที่กล่าวอ้าง ส่วนที่น้องอ้างว่าถูกเฮียบังคับให้ขายบริการตนเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน