บุรีรัมย์- ตำรวจภูธรภาค 3 ตั้งคณะพนักงานสอบสวนร่วมเร่งทำคดี ม.3 ถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตบังคับขายบริการ วันนี้นัดเหยื่อสอบต่อหน้าสหวิชาชีพที่อัยการจังหวัด เพื่อประกอบสำนวนคดีพร้อมจัดชุดลงพื้นที่หาหลักฐาน หากเพียงพอจะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที
วันนี้ ( 26 เม.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่ นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ลูกบุญธรรม ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.3 ใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ และแจ้งความร้องทุกข์ โดยอ้างว่า น้อง ถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย บังคับให้ขายบริการให้กับแขกที่เข้ามาพักในรีสอร์ตของตัวเอง เพื่อขัดดอกหลังจากที่น้องไปยืมเงินเสี่ย 6,300 บาท เพื่อนำไปเป็นค่ารักษาย่าวัย 70 ปีที่ป่วยต้องผ่าตัดด่วน
พอเด็กไม่ยอมไปรับแขกตามที่สั่งเสี่ยก็ขู่ว่าจะแจ้งความที่ยืมเงินแล้วไม่จ่าย ทั้งจะประจานให้อับอาย น้องผู้เสียหายจึงจำใจต้องทำ โดยไปรับแขกตามที่เสี่ยเจ้าของรีสอร์ตสั่งทั้งหมด 4 ครั้ง จนเด็กทนไม่ไหวแล้วอยากจะหยุดแต่ก็ถูกขู่ไม่มีใครช่วยได้ เพราะเขาอ้างรู้จักตำรวจทั้งโรงพัก ล่าสุดบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.บุรีรัมย์ ได้รับเด็กผู้เสียหายเข้ารับการคุ้มครองดูแลสวัสดิภาพชั่วคราวแล้ว นั้น
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางตำรวจภูธรภาค 3 ได้มีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาร่วมทำคดีดังกล่าวแล้ว พร้อมจัดชุดลงพื้นที่หาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมด้วย ซึ่งวันนี้ทางสหวิชาชีพได้นัดเด็กเข้าสอบปากคำตามขั้นตอนที่อัยการจังหวัดนางรอง เพื่อประกอบสำนวนคดี พร้อมทั้งจะมีการเรียกพยานและผู้เกี่ยวข้องที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างถึงมาสอบปากคำด้วยเช่นกัน ซึ่งหากมีพยานหลักฐานเพียงพอมัดตัวว่าผู้ที่ถูกแจ้งความกล่าวหา มีพฤติการณ์กระทำผิดฐานใดบ้าง ทางพนักงานสอบสวนก็รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ยื่นขออนุมัติศาลจังหวัดนางรองออกหมายจับผู้กระทำผิดทันที โดยจะไม่มีการออกหมายเรียก เนื่องจากคดีดังกล่าวมีอัตราโทษเกิน 3 ปี
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เหยื่อได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ไม่พบเสี่ยอยู่ที่รีสอร์ตแต่อย่างใด แต่รีสอร์ตยังคงเปิดให้บริการตามปกติ จากการสอบถามแม่บ้านที่รีสอร์ตก็บอกว่าไม่ทราบว่าเสี่ยไปไหน