ศูนย์ข่าวศรีราชา - “โสภิญ เทพจักร” นักธุรกิจรุ่นเก๋าแห่งเมืองพัทยา ชี้การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือความหวังการเปลี่ยนแปลงที่ชาวพัทยาอยากเห็น ชี้นายกฯ คนใหม่ต้องกล้าทำงานนอกกรอบเพื่อดึงพัทยาให้กลับมาเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลอันดับ 1 ชี้เวทีดีเบต 7 พ.ค. ช่วยเพิ่มข้อมูลตัดสินใจเลือกนายกเมืองคนใหม่
วันนี้ (27 เม.ย.) นางโสภิญ เทพจักร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดอาน่า กรุ๊ป จำกัด อดีตนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เผยถึงการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาและสมาชิกสภาเมืองพัทยาที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ว่า ถือเป็นความหวังใหม่ของชาวพัทยา ที่เชี่อว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของการพัฒนาเมือง เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
ที่สำคัญผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา หมายเลข 1 จากกลุ่มเรารักพัทยา นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา ในนามอิสระ หมายเลข 2 นายกิตติศักดิ์ หรือบ็อบ นิลวัฒนโฒชัย จากทีมก้าวไกล ผู้สมัครหมายเลข 3 และนายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา กลุ่มพัทยาร่วมใจ หมายเลข 4 ล้วนเป็นผู้ที่มีศักยภาพและมีดีกันคนละแบบ ที่สำคัญส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจ ส่วนอีกท่านเคยรับราชการในพื้นที่ จึงเชื่อว่าจะสามารถดูแลเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
“เมืองพัทยาโชคดีที่เป็นเมืองท่องเที่ยวและมีการปกครองในรูปแบบพิเศษ ดังนั้น หากถามจากภาคธุรกิจนายกเมืองพัทยาในดวงใจที่อยากได้คือ คนที่สามารถเข้ามาสนับสนุนให้เมืองพัทยาได้กลับมาเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลอันดับ 1 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากเช่นในอดีตอีกครั้ง ทั้งนี้ การที่เมืองพัทยา เป็นเมืองที่มีการปกครองในรูปแบบพิเศษ ที่มีความแตกต่างจากการพัฒนาในพื้นที่อื่นๆ จึงเชื่อว่าหากตั้งใจจริงจะสามารถพัฒนาให้เติบโตได้อีกมาก”
นางโสภิญ ยังบอกอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองพัทยาในปัจจุบันหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เทียบไม่ได้กับการเติบโตในอดีต ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เพื่อนนักธุรกิจหลายคนท้อแท้และอ่อนแรง แต่ผู้ประกอบการด้วยกันพยายามที่จะให้กำลังใจในการต่อสู้ต่อไป
จนมาถึงวันนี้หลายสิ่งเริ่มดีขึ้น โดยเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงหยุดยาวปีใหม่ และสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่ทำให้เจ้าของโรงแรม ร้านอาหารได้กลับมามีรายได้อีกครั้ง โดยเฉพาะโรงแรมตามชายหาดกลับมามียอดเข้าพักเต็มเกือบหมด
“เราหวังว่าการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศสหรัฐอเมริกา จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทย เพราะรัฐบาลไทยเองได้ประกาศแล้วว่าจะยังคงไม่ปรับดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งปัจจัยนี้จะทำให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนลง และจะสามารถจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมายังประเทศไทยมากขึ้น ส่วนการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมามีแต่การปรับราคาขึ้น แต่ไม่มีตัวเลขการขาย โดยเฉพาะจุดที่จะมีการพัฒนาโครงการอีอีซี ทั้งมาบตาพุด จ.ระยอง หรือแม้แต่ชายหาดจอมเทียน ซึ่งขณะนี้ราคาที่พักอาศัยอยู่ในจุดที่สูงมาก แต่ยังไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น”
นางโสภิญ ยังเผยอีกว่า หากเมืองพัทยาได้นายกเมืองคนใหม่ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เริ่มคลี่คลายไปในทางดีขึ้น และปัจจัยที่เอื้อต่อค่าเงินบาทของไทย แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเมื่อมีใครเข้ามาเป็นนายกเมืองพัทยาแล้วจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ภายใน 1-2 เดือน ซึ่งในความเป็นจริงป็นไปไม่ได้
และในวันที่ 7 พ.ค.นี้ สมาคมนักธุรกิจยังได้ร่วมกับองค์กรเอกชนต่างๆ ในเมืองพัทยาจัดดีเบตผู้เสนอตัวเข้ามาเป็นนายกเมืองพัทยา ซึ่งเราได้ลงขันกันเพื่อช่วยให้การจัดเวทีดังกล่าวเกิดขึ้น ด้วยหวังให้เกิดประชาธิปไตยเบ่งบานในบ้านเรา
“จึงขอเชิญชวนให้ทุกท่านช่วยกันเลือกคนที่ชอบ เลือกคนที่ใช่ เลือกคนที่ถูกใจเข้ามาพัฒนาเมืองพัทยาที่เป็นของเราทุกคน เพราะถ้าเมืองดีก็จะดีตั้งแต่จุดล่างสุดจนถึงสูงสุด และสิ่งที่จะทำให้เมืองพัทยามีการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นคือ การใช้ข้อดีของการเป็นเมืองพิเศษ เช่นเดียวกับเมืองภูเก็ต ในการดึงศักยภาพต่างๆ พัฒนาให้พื้นที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และสิ่งที่อยากจะได้คือ นายกเมืองพัทยาที่ต้องไม่ทำงานในกรอบ แต่จะต้องทำงานเพื่อพัฒนาเมืองพัทยาของเรา” นางโสภิญ กล่าว