ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจโคราช บุกรวบคาห้องพักในเมืองพัทยา “ไอ้เบส” โจรควงปืนบุกเดี่ยวชิงทอง 153 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้าน ในห้างฯ ดังกลางเมืองโคราช หิ้วตัวมา สภ.เมืองนครราชสีมา เร่งสอบขยายผลติดตามทองคำรูปพรรณของกลาง ขณะรอง ผบ.ตร.บินด่วนแถลงข่าวจับกุมคนร้าย พร้อมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยได้ทองของกลางคืนแล้ว 28 เส้น รวม 84 บาท พร้อมเงินสด 1.1 แสนบาท
วันนี้ (15 เม.ย.) ความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนบุกจี้ชิงทองคำ 51 เส้น น้ำหนัก 153 บาท มูลค่ากว่า 4.6 ล้านบาท ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ในห้างฯ เทสโก้-โลตัส สาขานครราชสีมา ถ.มิตรภาพ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อบ่ายวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังเร่งติดตามจับกุมคนร้าย จากสืบสวนพบพยานและตรวจสอบหลักฐานจากกล้องวงจรโทรทัศน์วงจรปิด จนทราบตัวคนร้าย พร้อมขอศาลอนุมัติออกหมายจับ นายกิตติพงษ์ แพไธสง หรือเบส หรือแฟรงค์ อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา
ล่าสุดเวลาประมาณ 04.20 น. วันนี้ พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมชุดสืบสวนของ บก.สส.ภ.3 ชุดสืบสวนของ กก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา และชุดสืบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ร่วมกันจับกุม นายกิตติพงษ์ แพไธสง หรือเบส อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติม พร้อมติดตามทองคำรูปพรรณของกลางที่ได้จากการชิงทรัพย์ และสอบสวนสาเหตุที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ เบื้องต้นคนร้ายอ้างเพียงว่าตกงาน ไม่มีเงินใช้จ่าย อยู่ระหว่างควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
จากนั้นเวลา 17.00 น. วันนี้เดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 (ตร.ภ. 3) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.ภาณุบุรณศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และ พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายกิตติพงศ์ แพไธสง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 486 หมู่ 4 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่โรงแรม Tevan Jomtien Hotel ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่า ชิงทรัพย์โดยมอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีอาวุธ
และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ซึ่งนายกิตติพงศ์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและอ้างว่าเหตุผลที่ก่อเหตุเพราะตกงาน และไม่มีเงินใช้
จากการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องหา ขณะนี้ตำรวจสามารถตรวจยึดทองคำส่วนใหญ่กลับคืนมาได้แล้ว ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำ จำนวน 28 เส้น น้ำหนักรวม 84 บาท ที่ผู้ต้องหานำไปฝังดินไว้หลังบ้านพักของภรรยาที่จังหวัดนครราชสีมา เงินสดจำนวน 110,000 บาท ที่ยึดได้จากตัวผู้ต้องหาขณะจับกุม รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีขาวดำส้ม หมายเลขทะเบียน เมจ 504 นครราชสีมา ที่ผู้ต้องหาใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ อาวุธปืนปลอมที่ใช้ในการก่อเหตุ เสื้อผ้า หมวกคลุมหัวสีดำ กระเป๋าสะพาย 2 ใบที่ใช้ในวันก่อเหตุ
ในส่วนสร้อยคอทองคำของกลางที่ยังขาดหายไป ผู้ต้องหาอ้างว่า ได้นำไปขายตามที่ต่างๆ ระหว่างหลบหนี ขณะที่บางส่วนนำไปฝากกับคนรู้จัก และบางส่วนตกหล่นหายไประหว่างทางที่หลบหนี ซึ่งตำรวจจะได้สืบสวนสอบสวนติดตามของกลางมาคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
ต่อมาเวลา 17.50 น. ที่ห้างทองเยาวราช กรุงเทพฯ ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้-โลตัส สาขา นครราชสีมา พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ภ.นครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง และกำลังงานป้องกันปราบปราม 191 กว่า 10 นาย ได้คุมตัวนายกิตติพงศ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตั้งแต่เข้าประตูใช้ปืนพลาสติกขู่พนักงาน และขึ้นตู้กระจกใช้มือคว้าทองรูปพรรณน้ำหนักทั้งถาด 3 บาท ก่อนลงมาวิ่งหลบหนีออกจากห้างฯ ทั้งนี้ก่อนลงมือก่อเหตุได้ไปเข้าห้องน้ำชั้น 2 ภายในห้างฯ แล้วถึงลงมาก่อเหตุดังกล่าว
หลังจากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะทำแผนได้พูดคุยกับพนักงานร้านทอง ซึ่งพนักงานได้สอบถามถึงจำนวนทองรูปพรรณที่ปล้นไปอยู่ไหนหมด โดยคนร้ายบอกแต่เพียงว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว
