ศรีสะเกษ - ชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ลุกฮือต้านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ขับไล่พระธุดงค์ออกจากที่พักสงฆ์ภูหงอนไก่ สร้างมาตั้งแต่ปี 2504 หรือกว่า 60 ปี เผยยื่นหนังสือถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ขอให้มีวัด ชาวบ้านพร้อมดูแลรักษาป่าอย่างเต็มที่
วันนี้ (12 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พักสงฆ์ภูหงอนไก่ เขาหงอนไก่ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้านในเขต ต.รุง ประกอบด้วยชาวบ้านหนองอุดม หมู่ 5 บ้านคลองทราย หมู่ 7 บ้านโดนอาว หมู่ 4 จำนวนประมาณ 100 คน นำโดย นายอภิชัย ปัดคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านหนองอุดม ต.รุง และ นายพะนอม ศรีบุญเรือง ประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ได้พากันเดินเท้า ระยะทางประมาณ 2 กม.ขึ้นมาที่พักสงฆ์แห่งนี้ เพื่อร่วมกันชุมนุมคัดค้านไม่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามารื้อถอนวัดแห่งนี้ ที่ชาวบ้าน 3 หมู่บ้านร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2504 เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติกิจทางศาสนา
โดยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ได้นำชาวบ้านประกอบพิธีทางศาสนาและได้นำขันดอกไม้ ธูปเทียน นิมนต์พระบุญเที่ยง ฐานิสโร พรรษา 7 พรรษา เพื่อขอให้พระบุญเที่ยงได้อยู่ปฏิบัติธรรมจำพรรษาที่พักสงฆ์แห่งนี้ต่อไป โดยรอบบริเวณที่พักสงฆ์แห่งนี้มีศาลาที่ทำขึ้นด้วยไม้ไผ่และหญ้าคา ซึ่งชาวบ้านพากันขนมาทำเป็นที่พักสงฆ์ ไม่ได้มีการตัดต้นไม้ทำลายป่าแต่อย่างใด ซึ่งพระบุญเที่ยงได้รับพานดอกไม้ธูปเทียนที่ชาวบ้านนิมนต์เอาไว้
นายอภิชัย ปัดคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านหนองอุดม ต.รุง กล่าวว่า ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะมารื้อที่พักสงฆ์และขับไล่พระออกไปจากที่วัดภูหงอนไก่แห่งนี้ ไม่ให้พระมาจำศีลภาวนาอยู่ที่แถวนี้ ซึ่งวัดแห่งนี้ได้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 และปี 2508 ได้ก่อสร้างวัดเสร็จจึงได้ทำพิธีฉลองกัน ต่อมาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบอกว่าพื้นที่ตั้งวัดแห่งนี้อยู่ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าซึ่งพวกตนชาวบ้าน 3 หมู่บ้านต้องการที่จะให้หลวงพ่อท่าน ปฏิบัติธรรมจำศีลภาวนาอยู่ที่วัดแห่งนี้ต่อไป เพราะว่าวัดแห่งนี้อยู่มาตั้งแต่ตนยังไม่ได้เกิด เป็นวัดที่ชาวบ้าน 3 หมู่บ้านเคารพศรัทธานับถือ โดยมีชาวบ้านหนองอุดม หมู่ 5 บ้านคลองทราย หมู่ 7 บ้านโดนอาว หมู่ 4 ได้ร่วมกันสร้างวัดมาตั้งแต่ปี 2504
นายพะนอม ศรีบุญเรือง ประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มชาวบ้านได้ทำหนังสือส่งไปถึงเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าของพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อที่จะขอให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตรงนี้ และอีกทางหนึ่งก็คือได้ดำเนินการเรื่องจะทำเรื่องขออนุญาตจัดตั้งสำนักสงฆ์ หรือวัด เพื่อที่ชาวบ้านจะได้มีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เพราะว่าที่ตรงนี้มันเป็นจุดที่บรรพบุรุษของหมู่บ้าน 3 หมู่บ้านนี้ได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นมา ทางเจ้าหน้าที่จะมาให้เขารื้อสิ่งของนี้ออกไปรวมทั้งสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในนี้ซึ่งชาวบ้านไม่เห็นด้วย จะเป็นการทำร้ายจิตใจชาวบ้านมากเกินไป แต่ชาวบ้านจึงได้ขอใช้สิทธิ์ทำเป็นหนังสือยื่นไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขอให้ชาวบ้านได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ด้วย โดยชาวบ้านยืนยันว่าจะไม่ตัดต้นไม้ทำลายสิ่งแวดล้อม จะช่วยกันรักษาดูแลป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมต่อไป
พระบุญเที่ยง ฐานิสโร บวชได้ 7 พรรษาแล้ว กล่าวว่า อาตมาบวชอยู่ที่วัดบ้านตาจั่น ต.ตาจั่น อ.คง จ.นครราชสีมา และได้เดินธุดงค์มา 5 ปี ช่วงปีที่แล้วมีการระบาดของโควิด-19 อาตมาภาพได้ธุดงค์มาอยู่ที่ ต.เมืองที อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอาตมาเอง เนื่องจากปีที่แล้วติดโควิดไปไหนไม่ได้ ต่อมามีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านได้แนะนำว่าให้มาเข้าป่าแถวศรีสะเกษมีป่ามีถ้ำซึ่งถูกกับจริตของอาตมา ดังนั้นจึงได้เดินธุดงค์มากับครูบาอาจารย์มาตามป่าเขาต่างๆ และได้ธุดงค์เข้ามาในป่าที่ตรงนี้เพื่อปฏิบัติธรรมตั้งแต่ปีที่แล้วได้ 1 พรรษาแล้ว
โดยอาตมาจะเดินลงไปเดินบิณฑบาตโปรดญาติโยมในหมู่บ้านหนองอุดมเป็นประจำทุกวัน โดยจะออกเดินตั้งแต่ 05.30 น.ลงไปถึงหมู่บ้านประมาณ 7 โมงจากนั้นจึงจะได้เดินกลับมาถึงวัดเวลาประมาณ 08.30 น.ฉันภัตตาหารและปฏิบัติติธรรม ระยะทางไปกลับประมาณ 12 กิโลเมตร ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ชาวบ้านได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2504 เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม เพื่อที่จะอบรมกล่อมเกลาจิตใจของชาวบ้านให้รักธรรมชาติ รักษาป่า
"เมื่อญาติโยมนิมนต์ให้อาตมาภาพอยู่ตรงนี้ต่อไปเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพวกเขาอาตมาภาพก็ยินดีรับ อาตมาภาพไม่คิดว่าจะมีความร่วมมือร่วมใจของญาติโยมมากมายขนาดนี้ ส่วนตัวของอาตมาภาพนั้นหากทางราชการจะให้ออกไปจากตรงนี้ อาตมาภาพก็พร้อมที่จะไปไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องอยู่ที่ใด เมื่อศรัทธานี้เกิดขึ้นมาอาตมาจะละทิ้งศรัทธาพวกเขาก็กระไรอยู่ เราเป็นผู้เผยแผ่ศาสนา การที่จะหนีการสั่งสอนประชาชนให้เข้าใจในศาสนาก็เป็นไปไม่ได้" พระบุญเที่ยงกล่าว