ภาคเหนือตอนล่าง - ทั้งว่าที่ผู้สมัคร-ส.ส.พปชร.รอรับล้อมหน้าล้อมหลัง..“บิ๊กป้อม” ออนทัวร์ลุ่มน้ำเหนือล่าง 3 จังหวัดรวดทั้งอุตรดิตถ์-พิจิตร-พิษณุโลก เน้นติดตามแผนรับมือน้ำหลาก ใช้ทุ่งบางระกำ และอีก 10 ทุ่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง รวม 1.2 ล้านไร่ รับน้ำ 1,704 ล้าน ลบ.ม.
วันนี้ (4 เม.ย. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และคณะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบินถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 46 อ.เมือง จ.พิษณุโลก พื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและเร่งรัดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ พิจิตร และพิษณุโลก
โดยได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ผาเวียง-ปากนาย ทำพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลและพบปะประชาชนที่ อบต.ท่าแฝก จ.อุตรดิตถ์
จากนั้นเดินทางไปต่อที่บึงสีไฟ ดูแนวทางการพัฒนาบึงสีไฟ ณ ศาลากลางน้ำสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ บึงสีไฟ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาบึงสีไฟ สถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้ง เร่งรัดโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟและโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร
โดยได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าขนย้ายมูลดินอีกประมาณ 240,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน กรมชลประทานสำรวจและศึกษาให้บึงสีไฟเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตร พร้อมมอบหมายจังหวัดพิจิตรปรับภูมิทัศน์และจัดโซนพื้นที่ใช้ประโยชน์รอบบึง กรมทรัพยากรน้ำดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟให้สอดคล้องกับระบบนิเวศ รักษาความเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติ รวมทั้งให้กรมชลประทานเร่งออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตรให้แล้วเสร็จ
จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังสนาม ฮ.ชั่วคราว อ.บางระกำ ก่อนนั่งรถยนต์ไปประตูระบายน้ำบางแก้ว บางระกำ จ.พิษณุโลก ท่ามกลางบรรดาว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ของจังหวัดพิษณุโลก ที่มารอต้อนรับพร้อมแนะนำตัวแบบล้อมหน้าล้อมหลัง
จากนั้น นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้รายงานสถานการณ์น้ำของจังหวัดพิษณุโลก พร้อมกับอธิบดีกรมชลประทานได้สรุปมาตรการรับมือน้ำหลาก 10 ทุ่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งเป็น 1 ใน 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565
พล.อ.ประวิตรกล่าวบนเวทีว่า รัฐบาลมีความห่วงใยถึงผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะความเสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ โดยมอบหมาย สทนช.บูรณาการหน่วยงานต่างๆ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ รองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 ตามมติ ครม.อย่างเคร่งครัด
ส่วนการรับมือน้ำหลาก ให้บริหารจัดการน้ำพื้นที่ทุ่งบางระกำและอีก 10 ทุ่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เพื่อรับมือฤดูฝนปี 65 นี้ตามที่ กนช.เห็นชอบ เน้นแก้ไขปัญหาน้ำท่วม พื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมซ้ำซาก โดยกรมชลประทานและกรมทางหลวงชนบทจัดทำแผนงานเร่งด่วน
สำหรับโครงการบางระกำโมเดลจะต้องหน่วงน้ำให้ได้มากขึ้น และต้องปรับปรุงยกระดับถนน คันคลอง และปรับปรุงอาคารชลประทานในพื้นที่โครงการ รวมถึงมอบให้กรมชลประทานและกรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งจัดทำแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ใน จ.พิษณุโลก เพื่อป้องกันอุทกภัยและภัยแล้ง เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดกลางในลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำวังทอง และแม่น้ำชมพู รวมทั้งมอบให้กรมชลประทาน พิจารณาทำแผนพัฒนาโครงการในลุ่มน้ำยม โดยการก่อสร้างประตูระบายน้ำเพื่อเก็บกักน้ำเป็นแบบขั้นบันไดและการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ต้นน้ำด้วย
ทั้งนี้ สทนช.จะกำกับติดตามแผนการบริหารจัดการน้ำ โดยใช้ทุ่งบางระกำ และอีก 10 ทุ่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างเป็นพื้นที่รับน้ำรวม 1,704 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากช่วงฤดูฝนนี้กรมชลประทานได้ปรับปฏิทินการเพาะปลูกให้เร็ว ทันก่อนน้ำหลาก ซึ่งทุ่งบางระกำ ชลประทานได้ส่งน้ำไปแล้วตั้งแต่ 15 มี.ค. 65 กำหนดเก็บเกี่ยว ก.ค. 65 ส่วนทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง 10 ทุ่ง เริ่มส่งน้ำ 15 เม.ย. 65 และเก็บเกี่ยวได้ภายใน 15 ก.ย. 65 นี้ รวมทั้งสิ้นพื้นที่ 1.2 ล้านไร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประวิตรกล่าวบนเวทีเสร็จได้เดินลงมาทักทายประชาชน พร้อมรับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ทุ่งน้ำบางระกำโมเดล เนื่องจากขาดแคลนน้ำทำการเกษตร ขอให้ลุงป้อมช่วยเหลือในการจัดสรรน้ำเพื่อเกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าวด้วย โดย พล.อ.ประวิตรได้รับหนังสือ พร้อมกับรับปากจะเร่งทำการช่วยเหลือโดยเร็ว พร้อมทั้งได้ตรวจดูสถานการณ์น้ำที่ประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว ก่อนเดินทางกลับโดย ฮ. ต่อไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 46 เพื่อนั่งเครื่องบินกลับดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนแต่อย่างใด
