ทีมโฆษก เผย “ประวิตร“” ลงพื้นที่ต่อเนื่อง จ.พิจิตร-พิษณุโลก ติดตาม “ฟื้นฟูบึงสีไฟ-บางระกำโมเดล” เร่งช่วยชาวบ้าน/เกษตรกร แก้ปัญหาน้ำ อย่างยั่งยืน เน้นรูปแบบ “ประชารัฐ ร่วมใจ” ตามนโยบายรัฐบาล
วันนี้ (4 เม.ย.) พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม./ผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า ในการติดตามโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ผาเวียง-ปากนาย และการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้เกษตรกรพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ไปแล้ว โดยเมื่อเวลา 13.30 น.ของวันนี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง “บึงสีไฟ” ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร เพื่อติดตามความคืบหน้า โครงการพัฒนาบึงสีไฟ ณ ศาลากลางน้ำสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ บึงสีไฟ โดยมี นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม ผวจ.พิจิตร ให้การต้อนรับ จากนั้นได้รับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.พิจิตร จาก เลขา สทนช. และรับฟังภาพรวมการพัฒนา “บึงสีไฟ” จาก รอง ปล.มท.ตามลำดับ โดยสรุป บึงสีไฟ เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 5,390 ไร่ เกิดมาจากต้นน้ำแม่น้ำน่าน นับเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด และแหล่งอาศัยของนกหลายชนิด รวมทั้งใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาให้กลับมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อประชาชนและเกษตรกรชาว จ.พิจิตร อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่ พล.อ.ประวิตร ได้เคยมาตรวจราชการ เมื่อ 15 ก.ค. 63 และให้จัดทำโครงการ “อนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ และโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร”
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายที่สำคัญ แก่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจาก จ.พิจิตร ยังไม่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ที่ผ่านมา จึงใช้น้ำจากแม่น้ำน่าน และแม่น้ำยม ที่ไหลผ่าน ซึ่งต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้ง ที่อาจจะเกิดขึ้น โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช.,จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งขับเคลื่อนโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟูแหล่งน้ำ “บึงสีไฟ” และโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร ซึ่งได้เคยสั่งการไปแล้วครั้งหนึ่ง รวมทั้งให้เร่งรัด 9 มาตรการ รองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูแล้งปี 64/65 เพื่อลดผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชน และเกษตรกรในฤดูแล้ง ควบคู่กับการรักษาระบบนิเวศ ความเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติด้วย ต่อไป จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับ และขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนโครงการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ประชาชน และมอบชุดตรวจ ATK ให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวถึงความห่วงใยและความปรารถนาดีของ นรม.ที่พยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวพิจิตรให้มีความอยู่ดีกินดี และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครบทุกมิติ พร้อมกล่าวให้กำลังใจแก่ประชาชน ทุกคนให้สามารถฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ ไปด้วยกัน อย่างปลอดภัย
ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปตรวจติดตาม มาตรการรับมือน้ำหลาก ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และโครงการ “บางระกำโมเดล” บริเวณประตูระบายน้ำบางแก้ว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก โดยมี นายรณชัย จิตรวิเศษ ผวจ.พิษณุโลก ให้การต้อนรับ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ และมาตรการเตรียมรับมือน้ำหลาก 12 ทุ่งรับน้ำ จาก เลขา สทนช.และรับฟังรายงานโครงการ “บางระกำโมเดล” ปี 2565 เพื่อเตรียมความพร้อม เป็นทุ่งรับน้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำยม โดยสรุป เป็นโครงการฯเพื่อบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำหลาก “เปลี่ยนทุ่งนาสีเขียว เป็นทุ่งหน่วงน้ำสีขาว ลดน้ำท่วมข้าว เพิ่มน้ำสร้างปลา” กระทั่งสามารถปลูกข้าวนาปรังเป็นปีแรกได้
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายให้ สทนช.,กรมชลประทาน และจังหวัด เร่งสร้างความร่วมมือแบบบูรณาการทุกภาคส่วนในรูปแบบ “ประชารัฐ” ร่วมใจขับเคลื่อนโครงการ เพื่อแก้ปัญหาให้ชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่อยู่อาศัยระหว่างลุ่มน้ำยม กับลุ่มน้ำน่าน ซึ่งประสบปัญหาอุทกภัย เป็นประจำทุกปี พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ ทุกคน ทุกหน่วยงานที่ได้ทุ่มเท เสียสละการทำงาน อย่างเต็มกำลัง และมีความก้าวหน้าของผลงาน อย่างเป็นรูปธรรม ก่อนเดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับ และได้กล่าวขอบคุณประชาชนชาวพิษณุโลก ที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการดำเนินโครงการในพื้นที่ด้วยดี โดยยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกปัญหา อย่างจริงใจ เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อย่างเด็ดขาด