ยโสธร - อดีตพยาบาลวิชาชีพพาลูกชายวัย 42 ปี ร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากลูกชายได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ป้องกันโควิด-19 แล้วปรากฏว่าได้รับผลกระทบ ดวงตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด ซ้ำยังไม่มีหน่วยงานใดแสดงความรับผิดชอบทั้งที่ทำหนังสือร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแล้ว
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ยโสธร นางสาวธิติสุดา อุลซาเมอร์ อายุ 62 ปี ได้พานายศกุลเชษฐ์ เวชกามา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288 หมู่ 1 บ้านตาดทอง ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร ลูกชายเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากที่ นายศกุลเชษฐ์ ลูกชายของตนได้เข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เพื่อป้องกันโควิด-19 แล้วปรากฏว่าสายตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน จนเป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพและการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน
นางสาวธิติสุดาเปิดเผยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกชาย ตนเคยทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดยโสธรและทำหนังสือของดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 และขอพิจารณาให้ช่วยเหลือเยียวยาไปยังโรงพยาบาลยโสธร ซึ่งเป็นสถานที่ในการไปรับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือออกมาให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด จึงได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเป็นที่พึ่งต่อไป
ด้านนายศกุลเชษฐ์ เวชกามา ผู้เคราะห์ร้ายบอกว่า ตนมีอาชีพเป็นช่างภาพ กราฟิกและตัดต่อให้กับรายการโทรทัศน์หลายช่องอยู่ในกรุงเทพมหานคร แต่พอเชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดตนจึงกลับมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านภูมิลำเนา แต่ก็ยังคงยึดอาชีพรับจ้างถ่ายภาพและตัดต่อเช่นเดิม ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ตนได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 1 ที่โรงพยาบาลยโสธร เป็นยี่ห้อไฟเซอร์ แต่พอรุ่งเช้าวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ตนรู้สึกว่าสายตาเริ่มพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน
หลายวันต่อมาจึงได้กลับไปตรวจที่โรงพยาบาลยโสธรอีกครั้งซึ่งแพทย์ก็แจ้งว่ามีเลือดออกที่เยื่อหุ้มตาจึงเป็นสาเหตุให้มองเห็นไม่ชัดเจน และในวันที่ 19 มกราคม 2565 จึงกลับไปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามนัดของโรงพยาบาลยโสธร หลังจากฉีดเข็มที่ 2 แล้วยิ่งทำให้สายตาพร่ามัวยิ่งขึ้นจนเกือบมองไม่เห็น และขณะนี้ก็มองเห็นวัตถุต่างๆ แค่เลือนรางเท่านั้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นอันเป็นผลจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพของตนไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตประจำวันได้ตามปกติได้
ขณะที่นางสาวธิติสุดา แม่ของนายศกุลเชษฐ์ เล่าต่อว่า อดีตตนเคยเป็นพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ อยู่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แต่ได้เกษียณอายุราชการแล้ว ลูกชายของตนได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยหลังการฉีดวัคซีนแล้วปรากฏว่าสายตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน ซึ่งปกติลูกชายของตนป่วยเป็นไตวายมาตั้งแต่ปี 2562 และจะต้องเข้ารับการฟอกไตอยู่เป็นประจำ แต่ทางโรงพยาบาลยโสธรได้บังคับให้ลูกชายฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยอ้างว่าถ้าไม่ฉีดวัคซีนจะไม่สามารถเข้ารับการฟอกไตได้ ลูกชายจึงยินยอมฉีด
พอฉีดเข็มที่ 2 ยิ่งทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนมากขึ้น และเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมาได้พาลูกชายไปตรวจอีกครั้งที่โรงพยาบาลยโสธร แพทย์ระบุว่าเลือดออกในเยื่อหุ้มตาทั้งสองข้าง ระดับการมองเห็นอยู่ในเกณฑ์บอดทั้งสองข้าง จนขณะนี้ไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพได้ ต้องเป็นภาระให้กับครอบครัวและภรรยาของลูกชายที่ต้องคอยหาเลี้ยง
ก่อนหน้านี้ตนก็เคยทำหนังสือร้องเรียนผ่านไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดยโสธรเพื่อขอความช่วยเหลือและทำหนังสือของดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 และขอพิจารณาให้ช่วยเหลือเยียวยาไปยังโรงพยาบาลยโสธรมาแล้วแต่ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบ ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่จากทางโรงพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกไปสอบถามถึงอาการของลูกชายตนแต่อย่างใด ไม่รู้จะไปพึ่งใครจึงได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายของตนด้วย