ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราชเอาจริงสั่งห้ามลอยอังคารเถ้ากระดูกและสิ่งของเครื่องใช้คนตายในลำน้ำมูล
หลังชาวบ้าน 7 หมู่บ้านร้องเรียนกระทบต่อสภาพจิตใจ สิ่งแวดล้อม และผวาเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคในแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคผลิตประปา ผู้ว่าฯ สั่งดำเนินคดีเด็ดขาดต่อผู้ประกอบธุรกิจ มีโทษทั้งจำและปรับ พร้อมกำชับท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านคุมเข้ม
วันนี้ (21 มี.ค.) ห้องประชุมศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมเพื่อหารือในการแก้ไขปัญหาและป้องกันการนำกระดูก เถ้าถ่านจากการเผาศพและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของผู้ตาย มาทิ้งลงในลำน้ำมูล บริเวณพื้นที่ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา หลังจากที่มีชาวบ้านในพื้นที่ เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดว่า มีการนำอัฐิ เถ้ากระดูกคนตายที่ฌาปนกิจแล้ว พร้อมด้วยพานธูปเทียน เครื่องใช้ ที่นอน หมอนของใช้ผู้ตาย มาทิ้งที่ท่าน้ำลำน้ำมูลบริเวณสวนภูมิทัศน์ สวนสาธารณประโยชน์ บ้านหนองบัว หมู่ 11 ตำบลท่าช้าง เฉลี่ยวันละ 3-5 ราย ซึ่งทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณแม่น้ำมูลประมาณ 7 หมู่บ้านได้รับความเดือดร้อน กระทบต่อสภาพจิตใจ ภาพลักษณ์ สิ่งแวดล้อม และอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค และการนำน้ำดิบไปผลิตประปา อุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จึงได้เรียกประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ, เทศบาลตำบลท่าช้าง, ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมในการประชุม
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เบื้องต้นที่ประชุมได้มีแนวทางในการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาดังนี้ 1. ให้เทศบาลตำบลท่าช้างดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเถ้ากระดูกผู้ตายมาทิ้งในลำน้ำมูล ตามมาตรา 27 (เหตุรำคาญเกิดขึ้นในที่หรือทางสาธารณะ) มาตรา 28 (เหตุรำคาญเกิดขึ้นในสถานที่เอกชน) อันมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. ให้เทศบาลตำบลท่าช้างจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ ห้ามนำอัฐิเถ้ากระดูกผู้ตายมาทิ้งในลำน้ำมูล โดยสื่อให้เห็นถึงความเดือดร้อนของคนในพื้นที่ 3. ให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมีหนังสือถึงผู้ประกอบกิจการฯ ให้ทราบถึงมูลเหตุแห่งการกระทำความผิดตามกฎหมาย
4. ให้ อ.เฉลิมพระเกียรติจัดชุดเฝ้าระวังการนำเถ้ากระดูกผู้ตายมาทิ้งในลำน้ำมูล 5. นำกรณีดังกล่าวแจ้งในที่ประชุมกรมการจังหวัดนครราชสีมา และ 6. ให้ทุกอำเภอแจ้งกรณีดังกล่าวในการประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อมิให้มีการนำเถ้ากระดูกผู้ตายมาทิ้งในลำน้ำมูล