จากกรณีเมื่อวันที่14 มี.ค.65 นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา ลงพื้นที่บริเวณชุมชนบางพัง หมู่ 3 ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี หลังจากทางชาวบ้านกว่า 20 หลังคาเรือนร้องเรียนว่าถูกหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่มาทุบสะพานปูนเมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมาซึ่งเป็นสะพานชาวชุมชุนใช้สัญจรไปมาหลาย10 ปี ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนรถจยย.ที่เคยขับผ่านไปมา คนป่วยจะไปหาหมอ เด็กนักเรียนจะไปโรงเรียนต้องเดินอ้อมไปไกลหลายกิโล เคยร้องเรียนเทศบาลนครปากเกร็ด ร้องเรียนกรมเจ้าท่า ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอปากเกร็ด และเคยไปแจ้งความที่สภ.ปากเกร็ดแต่เรื่องเงียบจึงอยากให้ทางทนายโป้งช่วยเหลือและติดตามความคืบหน้ากับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยลงมาแก้ไข
ล่าสุดเมื่อเวลา12.30 น.วันที่ 15 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวที่เทศบาลนครปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด พบนายสมศักดิ์ ลามอ รองนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด (เสื้อน้ำเงิน)เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องดูประเด็นว่าผู้ร้องเรียนต้องการอะไร และดูกรรมสิทธิ์หน้าสะพานว่าเป็นเจ้าของจัดสรรค์ทั้งหมด ที่ต้องทุบสะพานทำลายไป เพราะว่าทางจัดสรรค์ขอทุบ และเขาก็ยินดีชดใช้ค่าใช้จ่าย จึงต้องทำข้อตกลงกับเขา ว่าต้องยกให้สาธารณด้วย ซึ่งผู้จัดสรรค์ซื้อตั้งแต่ถนนติวานนท์ไปถึงสุขาประชาสรรค์ ตนมองว่าประชาชนตรงนั้นควรที่จะไดัรับประโยชน์มากว่าเสียประโยชน์ ทั้งทางเดินออก และขาเข้า ถ้าหมู่บ้านให้เป็นที่รถออกสาธารณก็จะมีเส้นทางโผล่ไปถึงไฟแดงของเมืองทอง ส่วนที่ผู้ร้องคิดว่าทางจัดสรรค์จะกลบคลองทางเทศบาลให้กองช่างเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีปัญหาแล้ว ก่อนเข้าไปดำเนินการ ชาวบ้านคัดค้านการขออนุญาติ หลังจากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกับชาวบ้านแล้ว ก็มีเอกสารให้ทุกคนได้ดูและชี้แจงไปแล้ว แต่ชาวบ้านอาจจะยอมรับหรือไม่ ถ้าผู้ร้องจะเข้ามาคุยก็ยินดีที่จะเป็นคนกลาง มีคนนึงที่ไม่ยอมรับตรงนี้ ก็ไม่รู้จะดำเนินการต่ออย่างไร ต้องทำบันทึกข้อตกลงกับหมู่บ้านจัดสรรค์ ถ้าจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนก็คงไม่ทำ ตนจะเป็นคนกลางที่จะไกล่เกลี่ย และพร้อมเปิดเอกสารให้ดู ซึ่งการทำทางสาธารณก็ยังใช้ได้ปกติ เนื่องจากมีการก่อสร้างทางเทศบาลก็ได้เข้ามาทำสะพานทางเดินชั่วคราวให้แล้ว นายภากร วีระประจักษ์ ผอ.กองช่าง เทศบาลนครปากเกร็ด(เสื้อลาย)กล่าวว่า เจ้าของโครงการได้รับอนุญาติให้ก่อสร้างสะพานจากกรมเจ้าท่า จ.นนทบุรี เป็นสะพานที่เทศบาลสร้างไว้ตั้งแต่ปี56 ร่วมกับทางเท้า ซึ่งตอนรื้ออกได้เรียกค่าชดเชยจำนวน 6.8แสนบาท ในระหว่างการก่อสร้างจะมีการทำงานชั่วคราวและอาจจะมีบางที่ดินสไลค์ลงไป ก็ให้หน่วยงานไปตรวจสอบแล้ว และตรวจอยู่ตลอด ถ้าการก่อสร้างเสร็จจะมีประโยชน์ต่อชาวบ้านและคนในชุมชนอย่างมาก เพราะเชื่อมกับถนนหลายพื้นที่จะเปิดเส้นทางเพื่อระบายรถ
