xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง สสจ.ขอนแก่น ผอ.รพ.บ้านฝางด่าหยาบลูกน้อง มอร์ฟีนหายใช้ชื่อคนตายเบิก-จ่าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ร้อง สสจ.ขอนแก่น ผอ.รพ.บ้านฝางใช้คำหยาบด่าเจ้าหน้าที่ เบิกเงินค่าตอบแทนพิเศษทั้งที่ไม่เคยตรวจผู้ป่วย ทั้งเกิดปัญหามอร์ฟีนโรงพยาบาลหาย 25 หลอด พบใช้ชื่อคนตายเบิก-จ่าย ด้าน สสจ.ขอนแก่นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

จากกรณีนายสุรชัย หล่อยดา อายุ 51 ปี นักจัดการงานทั่วไประดับปฏิบัติการ โรงพยาบาลบ้านฝาง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนายคม เกตุดาว อายุ 56 ปี หัวหน้างานรังสีวินิจฉัย รพ.บ้านฝาง และเจ้าหน้าที่ประจำ รพ.สต.พื้นที่ อ.บ้านฝาง เข้ายื่นหนังสือต่อ นายชัยดี รัตนปรีดา นายกเทศมนตรีตำบลบ้านฝาง เพื่อเป็นตัวแทนส่งต่อหนังสือร้องเรียนไปยังนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น

พ.ต.อ.อิทธิพล เนตรไธสง ผกก.สภ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
กรณีที่บุคลากรทางการแพทย์ มีทั้งทันตแพทย์ เจ้าหน้าที่ ลูกจ้างใน รพ.บ้านฝาง ร้องขอความเป็นธรรม และเกียรติศักดิ์ศรีข้าราชการ ถูกผู้บังคับบัญชาสูงสุด กลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ทำให้เดือดร้อน และข่มเหงรังแก ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ด่าทอ ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน และประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกดูถูกเหยียดหยามจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมทั้งเปิดคลิปเสียงให้ผู้สื่อข่าวฟัง

คลิปดังกล่าวเป็นคลิปเสียงบางช่วงบางตอนที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านฝางใช้ถ้อยคำไม่สุภาพคุยกับเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังเบียดบังเวลาราชการไปเปิดร้านขายยาของภรรยา โดยช่วงเช้าจะมาปฏิบัติหน้าที่ประมาณ 11.00 น.ทุกวัน ช่วงบ่ายจะมาปฏิบัติงาน ประมาณ 14.00 น.ทุกวัน และกลับก่อนเวลา 16.30 น.เป็นประจำ ซึ่งไม่มีใครกล้ายุ่ง ทั้งยังได้เบิกเงินค่าตอบแทนแพทย์สาขาพิเศษทุกเดือน แต่ไม่ปรากฏว่าได้ทำหน้าที่แพทย์ตรวจผู้ป่วยแต่อย่างใดนั้น

ล่าสุด นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การร้องเรียนดังกล่าวนั้นมีการยื่นหนังสือมาที่ สสจ.ขอนแก่นแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายรับเรื่องเอาไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบรายละเอียดตามหนังสือร้องเรียนพบว่า มีการร้องเรียนอยู่ 3 เรื่อง คือ ผอ.รพ.บ้านฝาง ใช้คำพูดไม่สุภาพ และไม่ออกตรวจผู้ป่วย ไม่ปฏิบัติราชการ เอาเวลาไปใช้ส่วนตัว ซึ่งทุกเรื่องจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย สสจ.ขอนแก่นได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว เพื่อให้มีการตรวจสอบในข้อร้องเรียนให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์

จากนั้นจะได้รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดตามขั้นตอน และบางเรื่องที่ร้องเรียนมาก็ได้มีการตรวจสอบด้วยตัวเองกับ ผอ.รพ.บ้านฝางแล้ว เช่น เรื่องการใช้วาจาที่ไม่สุภาพกับผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งได้คำตอบจาก ผอ.ว่าที่ใช้คำพูดเช่นนั้น เพราะ ผอ.คิดว่าทุกคนคือคนสนิท ที่ร่วมงานกัน จึงใช้คำพูดธรรมดาทั่วไป โดยไม่ได้คิดว่าจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่ใน รพ.แต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่มีพยาบาลวิชาชีพเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในเดือนตุลาคม 2564 เรื่องมอร์ฟีนโรงพยาบาลบ้านฝางหายจำนวน 25 หลอดนั้น ผอ.รพ.บ้านฝางบอกว่า ไม่ทราบเรื่อง เพราะมอร์ฟีนหายเกิดขึ้นในช่วงที่ยังไม่ย้ายมา แต่เมื่อมาแล้วก็พอทราบจากรายงานว่ามีเหตุการณ์มอร์ฟีนหายจริง แต่ยังไม่ทราบว่ามีการดำเนินการกรณีดังกล่าวไปถึงไหนแล้ว และกรณีมอร์ฟีนหายนั้น ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง ถ้าเป็นบุคลากรและเจ้าหน้าที่ใน รพ.ก็จะถูกดำเนินการเอาผิดทางวินัย รวมถึงต้องแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดทางอาญาต่อคนลงมือก่อเหตุด้วย

เบื้องต้นทราบว่าการก่อเหตุนั้นมีการเบิกมอร์ฟีนถูกต้องทุกอย่าง แต่รายชื่อที่เป็นผู้เบิกนั้นกลายเป็นผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีความผิดทางวินัยนั้น ถ้าขณะนี้คนก่อเหตุลาออกไปแล้วอาจจะไม่สามารถเอาผิดทางวินัยได้ แต่ดำเนินคดีทางอาญาได้ หากการตรวจสอบเสร็จสิ้น ผอ.รพ.บ้านฝางต้องให้ฝ่ายกฎหมายแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดตามกฎหมายต่อบุคคลรายดังกล่าวได้ ซึ่งทราบว่า ผอ.รพ.บ้านฝางตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจะลงพื้นที่ตรวจสอบตามคำร้องเรียน รวมถึงให้กำลังใจบุคลากรใน รพ.บ้านฝางด้วย


ด้าน พ.ต.อ.อิทธิพล เนตรไธสง ผกก.สภ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น กล่าวถึงกรณีที่พยาบาล รพ.บ้านฝาง แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้กรณีมอร์ฟีนหาย 25 หลอดว่า มีพยาบาลมาแจ้งความจริงเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 หลังจากรับแจ้งความ พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกันลงไปตรวจที่เกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบ้านฝาง จากการตรวจสอบทราบว่า เกิดจากเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลมีการเซ็นเบิกจ่ายออกไปใช้

ได้แจ้งให้ผู้อำนวยการรวมถึงเจ้าหน้าที่ รพ.บ้านฝางได้ทราบแล้ว หากต้องการให้ตำรวจสอบสวนดำเนินคดีก็ให้ทำหนังสือมอบอำนาจตามระเบียบราชการและเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปมาให้ตำรวจ เชื่อว่าเมื่อขั้นตอนการตรวจสอบภายในเสร็จสิ้น ผอ.น่าจะมีหนังสือแจ้งความร้องทุกข์มาถึงตำรวจ ตำรวจจึงจะดำเนินการสอบสวนในคดีอาญาได้


กำลังโหลดความคิดเห็น