ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สตช.แจงคืบหน้าคดีรุ่นพี่ มทร.อีสานรับน้องโหด ทำร้ายร่างกาย “น้องเปรม” เสียชีวิต เผยสอบปากคำพยานแล้ว 59 ราย จ่อแจ้งข้อหารุ่นพี่ 7 รายเพิ่มอีกหลายกระทง รวมทั้งร่วมกันชุมนุมมั่วสุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ระบุเร่งรัดสอบสวนให้เสร็จใน 30 วัน เตือนรุ่นพี่ทุกสถาบันรับน้องโหดเจ็บ-ตาย ถูกดำเนินคดีเสียประวัติเสียอนาคต
ความคืบหน้าคดีรุ่นพี่รับน้องโหด ทำร้ายร่างกาย นายพัสยศ ชลภักดี หรือ “น้องเปรม” อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) นครราชสีมา เสียชีวิตและมีรุ่นน้องบาดเจ็บอีก 2 คน เมื่อคืนวันที่ 13 มี.ค. 65 เบื้องต้นรุ่นพี่ 7 คนถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุแล้ว ขณะที่ผู้เสียชีวิตพ่อแม่รับศพไปประกอบพิธีตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสีคิ้วคณาราม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีกำหนดฌาปนกิจศพในวันที่ 21 มี.ค.นี้นั้น
ล่าสุดวันนี้ (20 มี.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขอเรียนชี้แจงถึงความคืบหน้าเพิ่มเติมการดำเนินคดีต่อกลุ่มรุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ที่นำรุ่นน้องออกไปจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่แล้วเกิดเหตุมีรุ่นน้องเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 65
ความคืบหน้าทางคดีขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.มะเริงได้สอบสวนปากคำพยานไปแล้ว 59 ราย สอบสวนปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดจำนวน 7 ราย พร้อมได้แจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิด “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” อีกทั้งอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
ร่วมกันในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 และร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9(2) แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และจะเร่งรัดทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีด้วยความรวดเร็ว ตรงไปตรงมา พิสูจน์ทราบทำความจริงให้ปรากฏ ด้วยความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เน้นหลักนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญในการรวบรวมพยานหลักฐานมาประกอบคดี
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวเพิ่มว่า ขอฝากเตือนไปยังรุ่นพี่สถาบันต่างๆ ที่จะจัดกิจกรรมรับน้องหรือบังคับรุ่นน้องให้ไปร่วมกิจกรรมโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ละเมิดสิทธิและความเสมอภาค หากมีการกระทำผิด มีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย มีประวัติและเสียอนาคตได้
และขอฝากคณะครูอาจารย์ของสถาบันต่างๆ ให้ช่วยลงไปกำกับดูแลการจัดกิจกรรมของนักเรียน นักศึกษา ควรมีมาตรการในการป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ การรับน้องแบบละเมิดสิทธิและความเสมอภาคจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก และขอให้นำเหตุการณ์ดังกล่าวมาเป็นอุทาหรณ์ให้กับรุ่นพี่นักเรียน นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ รวมถึงการจัดกิจกรรมที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและไม่เหมาะสม
หากจะจัดกิจกรรมรับน้องก็ควรจัดกิจกรรมให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ คำนึงถึงความปลอดภัย ความพร้อมร่างกาย จิตใจของรุ่นน้อง หรือผู้เข้าร่วมแต่ละบุคคล การจัดกิจกรรมจะต้องปรึกษาคณะครู อาจารย์ของสถาบันก่อน อย่าทำไปโดยพลการ ไม่ว่าจะเป็นด้วยความคึกคะนอง หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วเกิดการบาดเจ็บ หรือสูญเสีย ตัวผู้กระทำเองก็จะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เสียประวัติและอนาคต
การรับน้องไม่สร้างสรรค์นี้ สามารถแจ้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม Call Center 1313 ในวันและเวลาราชการ หรือหากประชาชนต้องการแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสใดๆ สามารถแจ้ง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง