เชียงราย - เหยื่อแก๊งสแกมเมอร์คิงส์โรมันสามเหลี่ยมทองคำเปิดใจถูกหลอกทำงานปลอม IG-Face Book ตุ๋นคนทั่วโลกโอนเงิน ทำไม่ได้ตามเป้าขู่ขายต่อแก๊งอื่น แถมให้ขังเหมือนทาสมีข้าวให้กิน 2 มื้อ-คุมเข้ม 24 ชม. ต้องติดต่อพ่อแม่กู้หนี้ยืมสินจ่ายคนช่วยพาหนีข้ามโขงรายละเกือบครึ่งแสน
ความคืบหน้ากรณีคนไทยถูกเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกไปทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ (สามเหลี่ยมทองคำ) ริมฝั่งน้ำโขง เขตเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้ามบ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงที่ ชร.001183/3933 ลงวันที่ 21 ก.พ. 2565 ขอความร่วมมือไปยังเจ้าแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ให้ช่วยเหลือ
อ่านข่าวประกอบ https://mgronline.com/local/detail/9650000024389
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบว่ามีคนไทยนั่งเรือของชาวบ้านหลบหนีข้ามฟากมายังฝั่งไทยได้แล้ว 5 คน และมีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่เป็นทางการให้กลับมาได้อีก 6 คน แต่ยังมีคนไทยในกลุ่มเดียวกันนี้ตกค้างอยู่ในโครงการคิงส์โรมันอีก 4 และมีรายงานว่าแก๊งสกิมมิ่งได้นำทั้ง 4 คนไปขายต่อให้กับแก๊งอื่นภายในบริเวณเดียวกันแล้ว
น.ส.ไก่ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาว อ.เมืองเชียงราย หนึ่งในแรงงานไทยที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษฯฝั่ง สปป.ลาว แล้วหนีกลับมาได้ กล่าวว่าคนในกลุ่มของตนมี 15 คน แต่ละคนต่างตกงานเพราะโควิด กระทั่งปลายเดือน ธ.ค.2564 มีคนบอกว่ามีงานให้ทำ จึงพากันทางไป
เมื่อถึงวันนัดหมายคือ 20 ม.ค. 2565 ก็มีคนมารับพานั่งเรือยนต์เล็กหรือเรือกาบข้ามแม่น้ำโขงบริเวณบ้านสวนดอก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน เมื่อไปถึงฝั่งลาวก็มีรถมารับไปกักโรคที่ห้องพักนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำเป็นเวลา 7 วัน โดยมีคนนำอาหารมาส่งให้วันละ 2 มื้อ
จากนั้นก็ถูกพาเข้าไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำแล้วกักตัวอีก 14 วัน ก่อนพาไปพักที่ชั้น 9 ของตึกสีฟ้า ส่วนตึกที่ทำงานจะเป็นอีกตึก ซึ่งมีระบบป้องกันการหลบหนีเข้มงวดมีทั้งป้อมยามและเวรยามเป็นจุดๆ ทำให้พวกตนเริ่มเห็นความผิดปกติ ต่อมาถูกส่งให้ไปทำงานในห้องโถงใหญ่มีโต๊ะทำงาน โทรศัพท์มือถือคนละ 3 เครื่อง ระบบอินเตอร์เน็ตพร้อมสรรพ ภายในห้องมีคนที่ถูกหลอกไปทำงานเหมือนกันรวมประมาณ 50 คน ส่วนใหญ่เป็นคนจีน คนไทยเชื้อสายจีน และมีพวกตนที่เป็นคนไทยอยู่เพียง 15 คน
"พลจะบังคับให้แฮกเปิด IG และ face book ปลอมเป็นคนที่น่าเชื่อถือหรือเป็นผู้หญิงสวย จากนั้นก็แฮกข้อมูลของบุคคลต่างๆ ให้ได้มากที่สุด แล้วเชิญชวนผู้คนใน IG และ face book ร่วมลงทุนเทรดทอง เมื่อได้เงินมาจากเหยื่อแล้วก็ให้ปิด IG ปิด face book หนี”
น.ส.ไก่บอกว่า ช่วง 2-3 วันแรกพวกหนูถูกวให้ทำวันละ 12 ชั่วโมง ต่อมาเพิ่มเป็นวันละ 15 ชั่วโมง จะหลบหนีก็ไม่ได้และไม่มีเงินเดือนให้ด้วย มีแต่ห้องนอน ออกจากห้องนอนก็ไปทำงาน มีข้าวให้รับประทาน 2 มื้อ แล้วกลับห้องนอน ถ้าทำไม่ได้ตามเป้าเขาก็ขู่จะขายพวกตนต่อให้กับบริษัทอื่นอีก ซึ่งพวกตนเพิ่งเข้าไปใหม่ยังทำได้ไม่เต็มที่ แต่คนที่อยู่มานานพบว่าบางคนหลอกเหยื่อรายหนึ่งให้โอนเงินไปนับ 10 ล้าน
น.ส.เป็ด (นามสมมติ) ซึ่งถูกหลอกไปทำงานในกลุ่มเดียวกัน กล่าวว่า หลังจากทำงานได้ประมาณ 1 สัปดาห์ก็มีคนนำสัญญามาให้เซ็นเพื่อว่าจ้าง แต่ระบุเงินเดือนเพียง 25,000 บาท ระยะเวลาแค่ 2 เดือน ถ้าถึงเดือนที่ 3 ก็ให้คิดเงินตามจำนวนเงินที่หลอกลวงมาได้ ทำให้พวกตนรู้ว่าถูกหลอกถูกเอาเปรียบเรื่องรายได้อีก จึงไม่อยากทำและพยายามติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทยทางเว็บไซต์ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำว่าอย่าเซ็นตามสัญญาจ้างและเจ้าหน้าที่จะพยายามช่วยเหลืออยู่ แต่ก็เงียบไป
กระทั่งปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราจึงตีสนิทกับหญิงสาวชาวลาวคนหนึ่งที่ทำหน้าที่อยู่บริเวณหน้าห้องกักตัวเพื่อป้องกันโควิด-19 ในช่วงแรก สอบถามช่องทางกลับประเทศไทยได้หรือไม่ ซึ่งได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคนพาหลบหนีอีกคนหนึ่ง แต่ต้องจ่ายค่าจ้างพาหนีออกจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคนละ 30,500 บาท และค่ารถ-เรือข้ามแม่น้ำโขงคนละอีก 14,000 บาท รวมทั้งหมดคนละ 44,500 บาท หลายคนโทร.ไปขอพ่อแม่โอนเงินมาให้และมีอยู่คนหนึ่งครอบครัวต้องนำบ้านไปจำนองจนต้องสิ้นเนื้อประดาตัว
นายหมู (นามสมมติ) อายุ 31 ปี 1 ใน 5 ผู้ที่หลบหนีมาได้ กล่าวว่า เนื่องจากตนได้ภาษาจึงถูกใช้ให้แฮกเหยื่อทางยุโรปแต่เห็นว่าไม่ตรงกับงานที่ตั้งใจไว้และผิดศีลธรรมด้วย เมื่อประสานกับคนพาหลบหนีได้แล้วจึงชักชวนกันออกจากตึกสีฟ้าที่พักในเวลา 19.30 น.โดยทิ้งข้าวของไว้ในห้องนอนเพื่อไม่ให้มีพิรุธ
จากนั้นวิ่งหลบหนียามออกไปทางด้านหลังของตึกแล้วเดินกึ่งวิ่งไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งจึงหลบตามเสาไฟฟ้าจากนั้นก็มีรถยนต์มารับแล้วพาพวกตนเดินทางท่ามกลางความมืดโดยไม่รู้ว่าไกลแค่ไหนและจะพาไปจุดใด กระทั่งไปถึงฝั่งแม่น้ำโขงจึงมีรถมารับให้ลงเรือพร้อมกันทั้ง 5 คน โดยให้สวมใส่เสื้อสีทึบปกปิดส่วนที่เรืองแสงก่อนจะให้นอนราบบนเรือ แล้วคนเรือก็ใช้ไม้พายพายเรือออกไปกลางแม่น้ำโขงแทนการติดเครื่องยนต์เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง เพียงชั่วครู่ก็มาถึงฝั่งไทยที่บริเวณบ้านปงของ ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน
"เมื่อถึงฝั่งไทยก็คิดว่าปลอดภัยแล้ว แต่คนพาหลบหนีให้ซ่อนตัวก่อนเมื่อเรือออกจากฝั่งไปแล้วก็มีอีกคนพาเข้าไปซ่อนตัวในสวนยางพารา และคนนำพาในฝั่งไทยก็ไม่พาเดินทางต่อไปโดยทันที เพราะรอให้พรรคพวกในฝั่งลาวโอนเงินเข้าบัญชีมาก่อน ทำให้พวกผมซ่อนตัวในสวนยางพาราอยู่ครู่ใหญ่ๆ กระทั่งเมื่อมีการโอนเงินแล้วคนในสวนก็พาขึ้นรถยนต์ไปส่งหน้าตลาดสดเชียงแสนใกล้กับ สภ.เชียงแสน ซึ่งเป็นจุดนัดให้ญาติไปรับก่อนที่คนนำพาจะขับรถหายไปกับความมืด" นายหมูกล่าว