วันนี้ (4 มี.ค.) ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายเจษฎา กตเวทิน เอกอัครราชฑูต ณ เวียงจันทน์ , นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. , น.ส.ดวงดาว เกียรติพิศาลสกุล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงยุติธรรม , นายวันฉัตร วณิชพันธุ์ คณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 เดินทางไปร่วมประชุม ทวิภาคีไทย-ลาว หัวข้อความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 18
โดยมี พล.ต.ดร.ทองเหล็ก มังหน่อเมก รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบ , พ.อ.บัวผัน ฟองมะนี รองหัวหน้ากรมตำรวจใหญ่ , พ.อ.อินปง จันทะวงสา เลขาธิการ LCDC , พ.ท.พุดสะหวาด สูนทะลา รองเลขาธิการ LCDC และ พ.ท.ดาลิน สุดาจัน รักษาการหัวหน้าแผนกบริหาร และเจ้าหน้าที่ สปป.ลาวให้การต้อนรับ
ในการประชุม ไทยได้ขอความร่วมมือ สปป.ลาว ในการดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและร่วมมือกันทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติด รวมทั้ง การยึดทรัพย์สินเพื่อตัดวงจรการค้ายา โดยเฉพาะกลุ่มคนไม่ดีและมีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ใช้พื้นที่ไทยและลาวในการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ไทยยังได้เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอย่างเป็นประจำและต่อเนื่อง ใช้กลไกความร่วมมือที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานหรือการประชุมหารือ โดยการพบปะกันหรือประชุมทางไกล ตอบสนองการปฏิบัติการให้ทันต่อสถานการณ์และเหตุการณ์ โดยเฉพาะข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสารตั้งต้น เคมีภัณฑ์ เพื่อสกัดกั้นสารดังกล่าวเข้าสู่แหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ
โดยทางฝ่าย สปป.ลาว ได้เสนอขอความร่วมมือฝ่ายไทย คือ การร่วมกันสืบสวนปราบปรามเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติในรูปแบบของการปฏิบัติการร่วมกัน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการสืบสวน โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการปฏิบัติงาน และการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ
ระหว่างการประชุม นายสมศักดิ์ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนขอชื่นชม สปป.ลาว สำหรับความตั้งใจจริงในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เห็นได้จากข้อมูลการจับกุมในปีที่ผ่านมา ที่สามารถจับกุมและยึดของกลางได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในภูมิภาคเอเชีย และรัฐบาล สปป.ลาว ยังได้ประกาศให้เรื่องยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ในส่วนของรัฐบาลไทย ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำ ขอยืนยันว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดยังคงเป็นนโยบายสำคัญลำดับแรกของรัฐบาลไทย เราจึงให้การสนับสนุนการทำงานในทุกกลยุทธ์ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การจัดทำประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2564 ที่ต้องการปรับใช้กฎหมายยาเสพติดให้เป็นระบบ รวมกฎหมายยาเสพติดต่างๆเป็นฉบับเดียวเพื่อให้การทำงานไม่ซ้ำช้อนกัน และง่ายต่อประชาชนในการศึกษาทำความเข้าใจ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เราได้เสริมมาตรการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยปีนี้ได้ตั้งเป้าที่ 10,000 ล้านบาท และยังเน้นนโยบายสาธารณสุข ยึดหลักผู้เสพคือผู้ป่วย ใช้การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแบบสมัครใจ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้าน มุ่งเน้นเรื่องการสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดต่างๆ มิให้เข้าไปยังแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำได้ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ต้นเหตุ การประชุมในวันนี้ นอกจากจะเป็นการดำเนินการตามพันธกรณี ที่ทั้งสองฝ่ายได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ตนเชื่อมั่นว่าเวทีการประชุมแห่งนี้ จะเป็นโอกาสที่สำคัญอีกครั้ง ที่เราจะได้มาหารือทบทวนและปรับปรุงแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น และหวังว่าจะเป็นไปด้วยความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต
ด้าน พล.ต.ดร.ทองเหล็ก กล่าวว่า ทางลาวขอบคุณ ที่ไทยให้เกียรติในความสัมพันธ์ แม้การประชุมในครั้งนี้อาจจะติดขัดเรื่องปัญหาโควิด-19 แต่สุดท้ายยังเกิดขึ้นได้ ทางการลาวได้ยกเรื่องยาเสพติดเป็นวาระสำคัญระดับชาติ เรามีความตั้งใจ จริงจังในการปราบปรามและสกัดสารตั้งต้นยาเสพติด และจะทำให้ดีกว่าเดิม และจะเดินหน้าปฏิบัติการงานตามแผนแม่น้ำโขงปลอดภัยและแผนปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ให้สำเร็จบรรลุจุดหมาย และต้องขอบคุณไทยที่ให้การสนับสนุนในหลายด้านในเรื่องของการปราบปรามยาเสพติด
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบสนับสนุนและส่งเสริมการปฏิบัติงานตามแผนแม่น้ำโขงปลอดภัยและแผนปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ 1511 การส่งเสริมความร่วมมือการสืบสวนปราบปรามทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติด การส่งเสริมความร่วมมือการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด โดยการสร้างองค์ความรู้ใหม่แก่นักวิทยาศาสตร์ การแลกเปลี่ยนภาพถ่ายยาเสพติด การสร้างฐานข้อมูลตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการติดตามบุคคลตามหมายจับ สนับสนุนการพัฒนาและการดำเนินงานของวิทยาลัยป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สนับสนุนโครงการพัฒนาเครือข่ายเยาวชนระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันยาเสพติดในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง และฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนการดำเนินงานความร่วมมือภายใต้โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายยาเสพติดระหว่างประเทศ
นายสมศักดิ์ ยังได้แนะนำแนวทางการปราบยาเสพติดแบบใหม่ ในชุดพาลีปราบยา ให้กับทาง สปป.ลาว ทั้งการจัดการส่วนแบ่ง รางวัลนำจับ โดยมั่นใจว่าแนวทางการปราบปรามยาเสพติดในแนวทางนี้จะสำเร็จ โดยไม่ใช้งบประมาณเพิ่มเติม ขอให้เรามั่นใจว่าลาว และไทยยังเดินหน้าร่วมมือกันเราจะสามารถทำให้สถานการณ์ยาเสพติดนั้นดีขึ้น สำหรับการประชุมทวิภาคี ครั้งที่ 19 จะจัดขึ้นที่ประเทศไทย
สำหรับช่วงสุดท้ายของการประชุม ประเทศไทยได้มอบรางวัลนำจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 รายรวม 1,200,000 บาท ให้แก่ทาง สปป.ลาว ที่ได้ให้ความร่วมมือในการสืบสวน ซึ่งในรายของนายอธิพัชร์ อัศวเทพอุทัย คือผู้ต้องหา ในคดีที่ตำรวจออสเตรเลีย ตรวจยึดไอซ์ 1,580 กิโลกรัมและเฮโรอีน 72 กิโลกรัมซุกซ่อนในตู้ลำโพง ที่สปป.ลาวจับกุมได้เมื่อเดือน ส.ค. 2564 มีรางวัลนำจับ 1,000,000 บาท และนายธงชัย ผญินทร ผู้ต้องหาคดีสมคบฯ ฝ่ายลาวจับกุมได้เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2565 มีรางวัลนำจับ 200,000 บาท