สุรินทร์ - บุกส่อง! แปลงกัญชา “วิสาหกิจชุมชนภูมิใจไทยฯ” เมืองช้าง เปิดเคล็ดลับการปลูกกัญชาออร์แกนิกแบบเปิด ได้ผลดีเลิศ ควบคุมและดำเนินการถูกต้องตามกฎระเบียบทุกขั้นตอน เผยมีหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนแห่มาศึกษาดูงานไม่เว้นวัน ชี้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่มาแรงของไทย หลังถูกปลดล็อกจากยาเสพติด ขณะงานวิชาการกัญชาทางการแพทย์ครั้งแรกที่สุรินทร์ ปชช.สนใจหลั่งไหลร่วมงานกว่า 8,000 คน
ผู้สื่อข่าวพาไปชมการปลูกกัญชา ณ แปลงสาธิตวิสาหกิจชุมชน “ภูมิใจไทย สมุนไพรบ้านไทย 2021” (ปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์แผนไทย) ตั้งอยู่บ้านไทย ม.3 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนโดยการรวมกลุ่มของสมาชิกที่ขออนุญาตจดแจ้งปลูกพืชกัญชาเพื่อการแพทย์แผนไทย มีนายวรรณรัก ไชยตะมาตย์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านไทย เป็นประธานกลุ่ม ปัจจุบันในแปลงสาธิตฯ มีต้นกัญชาประมาณ 200 ต้น หลังปลูกมาได้กว่า 2 เดือน ซึ่งนับว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในแต่ละวันมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและหน่วยงานภาครัฐมาเพื่อศึกษาดูงานกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกำลังกลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทย และต้องขออนุญาตอย่างถูกต้องจึงจะปลูกได้
นายวรรณรัก ไชยตะมาตย์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภูมิใจไทย สมุนไพรบ้านไทย 2021 กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข ที่มีการผลักดันปลดล็อกพืชกัญชาพ้นยาเสพติด ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 และจะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน พร้อมสนับสนุนส่งเสริมการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ จึงนำมาสู่การดำเนินการของกลุ่มวิสาหกิจได้จริง ซึ่งเริ่มต้นด้วยการขออนุญาตไม่ได้ยุ่งยาก แต่ต้องทำตามขั้นตอนที่กฎระเบียบกำหนดให้ครบเท่านั้น
ทั้งนี้ ในการจดเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ถือว่าสำคัญมาก ยิ่งเป็นพืชกัญชาจะต้องจดแจ้งการครอบครองจากทางรัฐมนตรี จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่กำหนดหลายอย่าง สุดท้ายมาจบที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ซึ่งจะมีผู้อำนวยการ หรือเจ้าหน้าที่มาตรวจสถานที่ ส่วนแปลงปลูกกัญชาของกลุ่มตนเป็นสถานที่เปิด เนื่องจากยังไม่มีทุนทำโรงเรือน และเป็นการปลูกแบบออร์แกนิก (Organic) หรือเกษตรอินทรีย์แบบเปิด ที่มีการจัดพื้นที่ควบคุมมีรั้วรอบมิดชิดตามแบบที่กำหนด และคุณภาพดินเหมาะสมปลูกได้ดี
ในการตรวจสอบการวัดค่า TSC หรือ TDB ของกัญชา ทางภาครัฐก็เข้ามาดูแลให้ จะต้องมีการมาวัดค่าที่ดอกและต้องมีการทำ MOU กับทางองค์การอาหารและยา (อย.) ด้วย เพื่อจะทำให้ถูกต้อง เพราะจำพวกใบ ลำต้น มีการปลดล็อกให้แล้ว แต่จำพวกดอก และเมล็ดยังอยู่ ซึ่งเราปลูกจะต้องได้รับอนุญาตว่าเป็นพันธุ์ชนิดใดด้วย การทำ MOU กับ อย.นั้นสำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องของการจำหน่าย เป็นเรื่องของ อย.ที่จะขายให้เรา
นายวรรณรักกล่าวต่อว่า การดูแลบำรุงต้นกัญชานั้นไม่ยาก เราเน้นใส่ปุ๋ยคอก ไม่ควรใช้ปุ๋ยเคมี เนื่องจากจะทำให้ดินร้อนมีผลต่อต้นกัญชาได้ ส่วนเรื่องน้ำไม่ต้องรดทุกวัน เพียงแต่ให้ดินมีความชื้นเสมอโดยการนำฟางมาปกคลุมไว้ที่โคนต้น แต่อย่ารดน้ำมากเกินไปจะทำให้รากเป็นเชื้อราตายได้ ในการปลูกแบบเปิด เรื่องของแมลงก็ไม่ค่อยมี เนื่องจากตนได้ใช้น้ำส้มควันไม้ฉีดอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ทำให้ไม่มีแมลงมารบกวนเลย
จากผลที่ได้ทำการปลูกมาเพียง 2 เดือนกว่า ต้นสวยงาม พันธุ์ที่นำมาปลูกมีพันธุ์อินดิกาจากอินเดีย พันธุ์ก้านแดงจากมาเลย์ และที่ปลูกมากคือพันธุ์หางกระรอกของบ้านเรา
สำหรับการเก็บเกี่ยวทำยาจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน สังเกตที่น้ำที่ออกจากดอกของกัญชา โดยจะใช้วิธีการสังเกตให้ดีคือต้องให้มีน้ำติดเป็นสีขุ่น แต่จะไม่ให้ขุ่นมาก เพราะจะทำให้ค่าระดับปริมาณสูงเกินที่ข้อกำหนดไว้
จากนั้นจะนำมาตากแดดให้แห้งและนำมาเก็บไว้ในที่ร่ม แล้วนำมาแปรเป็นผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนออกจำหน่าย โดยเน้นเป็นพืชสมุนไพรการแพทย์แผนไทย ตามที่เราจดทะเบียนไว้ ซึ่งชื่อวิสาหกิจชุมชนเรามีชื่อว่า “วิสาหกิจชุมชนภูมิใจไทย สมุนไพรไทยไร้กังวลบ้านไทย 2021”
ผลิตภัณฑ์ของเรา มีทั้งเป็นชาชงดื่ม และผสมในขนม รวมทั้งดองน้ำผึ้งบรรจุภัณฑ์ขาย ในอนาคตจะนำเข้าสู่สมุนไพรแพทย์แผนไทยในการทำโรงอบสมุนไพรจากกัญชาและลูกประคบ เพื่อให้ตรงตามเจตนาในการจดแจ้งวิสาหกิจชุมชนไว้ และเป็นจุดศึกษาดูงานสำหรับผู้ที่สนใจในการทำวิสาหกิจชุมชนเกี่ยวกับพืชกัญชา
“ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการผลักดันของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่ที่ได้มีการผลักดันปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด และพัฒนาให้เป็นวิสาหกิจชุมชน สร้างทางเลือกใหม่ให้เกษตรกรได้มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายวรรณรักกล่าวในตอนท้าย
ทางด้าน นพ.สินชัย ตันติรัตนานนท์ สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า การประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 9 ระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2565 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อ. เมือง จ. สุรินทร์ มีผู้คนให้ความสนใจเรื่องกัญชามาศึกษาดูงานการปลูกและการดูแลรักษากัญชา รวมทั้งเรื่องการขอจดแจ้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกันเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้มาร่วมงานตลอด 3 วัน จำนวน 8,104 คน ผู้มารับบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์จำนวน 277 คน การจ่ายยากัญชา จำนวน 5,523 หน่วย และมูลค่าการจำหน่ายสินค้าในงาน 362, 978 บาท
ถือว่ามีผลตอบรับจากประชาชนที่มาร่วมงานเป็นที่น่าพอใจ นับเป็นนิมิตหมายอันดีในอนาคตต่อไป ชี้ให้เห็นว่าประชาชนมีความตื่นตัวสนใจเรื่องกัญชามาก และมองเห็นโอกาสเส้นทางการต่อยอด การลงทุนและการสร้างรายได้ในอนาคต ซึ่งการจัดงานการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ “ปลดล็อกกัญชา-กัญชง สร้างสุขภาพ สร้างรายได้” จะมีการจัดงานสัญจรไปทั่วประเทศไทย ใน 12 เขตสุขภาพ ช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคมนี้ ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยประชาชนสามารถเข้าร่วมงานฟรีตลอดงาน สอดรับกับ พ.ร.บ.กัญชา-กัญชงที่จะออกมาใน 120 วัน หรือประมาณวันที่ 9 มิถุนายนนี้