อุบลราชธานี - สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลฯ และเจ้าอาวาสวัดนิคมกิตติยาราม แจงพระ-เณรฉาวตั้งวงดื่มเหล้า มีเพศสัมพันธ์ในวัดยืนยันเป็นเรื่องเก่าเมื่อ 2 เดือนก่อน พระ-เณรต้นเรื่องถูกจับสึกแล้ว ส่วนพระ-เณรที่ร่วมดื่มเหล้าคณะสงฆ์จะเรียกมาสอบสวนดำเนินการตามพระธรรมวินัยต่อไป
จากกรณีมีข่าวพระและเณรวัดนิคมกิตติยาราม ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ตั้งวงดื่มสุราในกุฏิฉลองวันเกิดของพระลูกวัด โดยมีพระเจ้าของวันเกิดและสามเณรร่วมวงดื่มเหล้ากันจำนวน 8 รูป และยังมีคลิปของพระกับสามเณรที่มั่วสุมทางเพศแบบชายรักชายในกุฏิของวัดดังกล่าวด้วยนั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามจากพระครูประโชติ กิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดที่ถูกอ้างเล่าว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา หรือเมื่อเกือบ 2 เดือนมาแล้ว โดยเป็นพระและสามเณรบวชเรียนมาจากต่างจังหวัด เพื่อมาเรียนพระปริยัติธรรมและสายสามัญกับโรงเรียนพระในตัวจังหวัด และมาขอจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ซึ่งก่อนหน้าไม่ทราบว่าพระเณรทั้งสองรูปมีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็ไม่ได้เข้มงวดอะไร
กระทั่งมีชาวบ้านนำภาพการตั้งวงดื่มเหล้า และคลิปการร่วมเพศของพระเณรที่เป็นคู่ขาแบบชายรักชาย ซึ่งเป็นคนละวันกับการตั้งวงดื่มเหล้ามาให้ดู จึงได้เรียกคนทั้งคู่มาสอบถาม พร้อมให้ออกไปจากวัดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ทั้งคู่ออกไปอยู่ที่อื่นได้ไม่นานก็ได้หวนลักลอบกลับเข้ามาอยู่ที่วัดอีก ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ รวมตัวกันมาขับไล่และได้จับคนทั้งคู่สึกจากความเป็นพระ เณร และได้ออกไปจากวัดตั้งแต่นั้นแล้ว
แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงมีการนำคลิปเก่ากลับมาเป็นข่าวอีก เพราะทั้งคู่ไม่ได้เป็นพระ เณรและออกไปจากวัดนานแล้ว ซึ่งต่อจากนี้ไป ก็จะได้มีความเข้มงวดให้พระ เณรอยู่ในพระธรรมวินัย เพราะพระผู้ใหญ่เข้ามากำชับให้ดูแลเรื่องนี้แล้ว
มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า บ่ายวันเดียวกันนี้ นายลำโพธิ ผิวนวล อดีตผู้ใหญ่บ้านและเป็นผู้ดูแลวัด ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูกุฏิสีชมพูที่เกิดเหตุ ซึ่งมีห้องใช้จำวัดอยู่ 3 ห้อง คือ บนกุฏิเป็นที่พักของเณร 2 รูป ส่วนพระพักอยู่ห้องด้านล่าง ต่อมาเณรที่เป็นคู่ขาก็ได้ย้ายมาอยู่กับพระด้านล่าง แต่หลังถูกจับสึกห้องของพระและเณรคู่ขาก็ถูกปิดตาย เหลือห้องที่มีเณรไม่เกี่ยวข้องจำพรรษาอยู่รูปเดียว แต่วันนี้ได้เดินทางไปเรียนหนังสือ
นายลำโพธิยังเล่าอีกว่า หลังมีภาพการร่วมเพศของพระและเณรทั้งสองหลุดออกมา ครั้งแรกนำตัวมาสอบถามยังไม่ยอมรับ จึงให้ออกไปจากวัด เพราะมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กุฏิหลังนี้ยืนยันว่าบางครั้งก็ได้ยินเสียงพระ-เณรทะเลาะกัน แต่ตอนนั้นไม่รู้เป็นเรื่องอะไร กระทั่งพระเณรคู่นี้หวนกลับมาอยู่อีก ครั้งนี้ชาวบ้านไม่ยอม จึงได้ช่วยกันจับคนทั้งคู่สึกจากความเป็นพระและเณรไปแล้ว
ด้านนางเพลินพิศ น้อยคนดี นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับการติดต่อจากผู้สื่อข่าวให้ไปตรวจสอบเรื่องราวของพระเณรที่ปรากฏเมื่อช่วงเช้าวันนี้ จึงได้เดินทางไปพร้อมกับพระครูโกศลวิหารคุณ เจ้าอาวาสวัดกลาง และเป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมือง รวมทั้งเจ้าคณะตำบลไร่น้อย เข้าสอบถามจากพระครูประโชติ กิตติคุณ เจ้าอาวาสวัด เพราะเป็นอำนาจของพระสงฆ์ที่จะต้องเข้าไปดูแลสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าเป็นเรื่องจริง และมีความผิดในขั้นใด ถึงปาราชิก ต้องลาสิกขาหรือไม่
เมื่อเข้าตรวจสอบพระ เณรตามภาพตั้งวงดื่มเหล้าประมาณ 8 รูป ทราบจากพระครูประโชติกิตติคุณเจ้าอาวาส มีอยู่เป็นบางส่วน บางรูปไปงานผ้าป่าต่างอำเภอ ส่วนพระ เณร 2 รูปที่เป็นคู่ขาได้ลาสิกขาไปแล้ว ซึ่งจะได้ตามพระ เณรส่วนที่เหลือกลับมาสอบสวนข้อเท็จจริง และคณะสงฆ์จะได้ลงไปตรวจสอบอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามพระธรรมวินัย