บุรีรัมย์ - รองผู้การ ตร.บุรีรัมย์ลุยพื้นที่เร่งคลี่ปมคดี หลังพบโครงกระดูกหนุ่มเกย์วัย 38 หายตัวปริศนากว่า 2 เดือนในป่าเขาอังคาร ยังไม่ฟันธงตายเองหรือถูกฆาตกรรมอำพรางรอผลชันสูตรแพทย์ เตรียมเรียกสอบชายคู่ขาที่เป็นผู้ต้องสงสัยอยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้าย เจ้าตัวถึงขั้นจุดธูปสาบาน ยันไม่ได้ฆ่า
วันนี้ (8 ก.พ.) ความคืบหน้าจากกรณีการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของ นายณัฎฐกรณ์ ฉนำกลาง หรือต่อ อายุ 38 ปี ชาว ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2564 กระทั่งวันที่ 12 ธ.ค. 2564 ได้มีชาวบ้านที่ไปหาเก็บเห็ดบนเขาอังคาร เจอรถจักรยานยนต์ของนายต่อจอดทิ้งไว้ในป่าเขาอังคาร ด้านทิศตะวันตกของบ้านเจริญสุขห่างจากหมู่บ้านราว 2 กิโลเมตร แต่กลับไม่พบนายต่อ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 3 ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์, สภ.เฉลิมพระเกียรติ รวมทั้งหน่วยกู้ภัยฯ ผู้นำชุมชน ญาติพี่น้อง และชาวบ้าน ช่วยกันออกค้นหามาอย่างต่อเนื่อง แต่ผ่านมากว่า 2 เดือนยังไม่มีใครพบ
กระทั่งล่าสุดช่วงสายวันนี้ (8 ก.พ.) ได้มีชาวบ้านจาก ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ขึ้นไปหาเก็บผักป่าบนเขาพระอังคารแล้วเดินไปเจอโครงกระดูกมนุษย์ รวมถึงบัตรประชาชน ใบขับขี่ ชื่อ นายณัฐฎกรณ์ ฉนำกลาง ซึ่งตรงกับผู้ที่สูญหายอยู่บริเวณถ้ำหมาป่าด้านทิศตะวันออกเขาอังคาร ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ ห่างจากจุดที่พบรถจักรยานยนต์ของนายต่อจอดทิ้งไว้ 2 กิโลเมตร จึงได้แจ้งผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ เข้าตรวจสอบ ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.อ.ฉัฐวัชร วงศ์วาสน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.มานิตย์ สร้อยจิตร ผู้กำกับการ สภ.เฉลิมพระเกียรติ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์เวร รพ.เฉลิมพระเกียรติ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่พบโครงกระดูกอย่างละเอียด พร้อมทั้งได้นำชิ้นส่วนกระดูกที่พบส่งตรวจ ดีเอ็นเอ เพื่อตรวจเอกลักษณ์บุคคลยืนยันว่าเป็นศพของนายต่อจริงหรือไม่ ถึงแม้จะพบบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ เสื้อผ้า และสิ่งของ กระจายใกล้จุดที่พบโครงกระดูก และพ่อยืนยันว่าเป็นของลูกชายที่หายตัวไป แต่เพื่อความชัดเจน ต้องมีการส่งตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอน
พ.ต.อ.ฉัฐวัชร วงศ์วาสน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า นอกจากจะมีการตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันว่าเป็นศพของนายต่อที่หายตัวไปจริงหรือไม่แล้ว ต้องให้แพทย์ตรวจชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงด้วย และหากเป็นโครงกระดูกของนายต่อจริง ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการเสียชีวิตเอง หรือถูกทำให้เสียชีวิต ซึ่งต้องรอผลตรวจจากแพทย์ยืนยันอีกครั้ง
ในส่วนของทางตำรวจจะได้เรียกชายคู่ขา ที่คบหากับผู้ตายและเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตายก่อนหายตัวไป รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อคลี่ปมการหายตัวและการเสียชีวิต ซึ่งช่วงที่นายต่อหายตัวไปตำรวจได้เรียกสอบนายเต่า คู่ขาหลายครั้ง แต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัว หรือการเสียชีวิตของนายต่อ
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้าน นายจารุพันธ์ หรือเต่า ซึ่งเป็นหนุ่มคู่ขาที่คบหากับนายต่อ ผู้ตาย ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาเพราะอยู่กับนายต่อเป็นคนสุดท้าย ทั้งยังมีปากเสียงก่อนหายตัวไปด้วย
โดยนายเต่ายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวหรือการเสียชีวิตของนายต่อ ทั้งนี้ นายเต่ายังได้จุดธูปสาบานต่อหน้าพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วย โดยนายเต่าได้กล่าวขณะสาบานว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าข้าพเจ้ามีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของนายต่อ ขอให้ตัวเองและครอบครัวมีอันเป็นไปหรือตายภายใน 3 วัน 7 วัน แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของนายต่อ ขอให้หลุดพ้นจากคำครหา และขอให้ชีวิตพบเจอแต่ความสุขความเจริญ”
นายเต่ายอมรับว่าทั้งเครียดและถูกกดดันสารพัด ตั้งแต่ที่นายต่อหายตัวไปตนก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ถูกมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปบ้าง พอมาเจอศพก็ถูกครหาต่างๆ นานา ซึ่งตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งการหายตัวและการเสียชีวิตของนายต่อแน่นอน ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้เรียกไปสอบปากคำเพิ่ม แค่ถามว่ารู้หรือยังว่าพบโครงกระดูกที่คาดเป็นนายต่อ เท่านั้น ตนเองก็เสียใจและพร้อมไปให้ข้อมูลแก่ตำรวจ
