อุดรธานี - เกิดเหตุสลดสยดสยอง ผัวหนุ่มวัย 34 ปีหวาดระแวงเมียที่เพิ่งแต่งงานปันใจให้ชายอื่น หลังทะเลาะกันรุนแรงชักปืนยิงหัว 3 นัดเมียดับคาที่ หลังจากนั้นใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับตัวเองแล้วลั่นไกทรุดกองกับพื้นตายตาม
เมื่อเวลา 21.30 น.คืนที่ผ่านมา (16 ม.ค.) ขณะที่ ร.ต.อ.ไพบูลย์ ไชยสิทธิ์กุล รอง สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งเหตุสามีใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงภรรยาก่อนยิงตัวเองตายตาม เหตุเกิดบริเวณโรงจอดรถใต้ถุนบ้านเลขที่ 30 ม.13 บ้านดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี พ.ต.ท.อัมรินทร์ อยู่เย็น รอง ผกก.สส.สภ.กุมภวาปี นำกำลังตำรวจสืบสวน และตำรวจป้องกันและปราบปราม สภ.กุมภวาปี และประสานแพทย์เวร รพ.กุมภวาปี ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุดรธานี อาสาหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาธรรมกุมภวาปี รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านยืนมุงดูกันจำนวนมาก ทราบชื่อผู้ตายคือ นายพานทอง แสนลำ หรือมุ้ย อายุ 34 ปี สามี ลูกชายเจ้าของบ้าน สภาพศพนอนตะแคงหันหลังชนกันกับ นางสาวอารยา ผิวแดง หรือเวย์ อายุ 26 ปี ภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.13 บ้านดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ตรวจสอบสภาพศพ นางสาวอารยา ภรรยา ถูกยิงด้วยอาวุธเข้าบริเวณท้ายทอย 2 นัด หัวไหล่ด้านซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน เลือดไหลนองพื้น ส่วนนายพานทอง สามี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าบริเวณขมับด้านขวา 1 นัด กระสุนทะลุออกขมับด้านซ้ายมันสมองกระจาย
โดยศพนายพานทอง สามี นอนทับอาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติกไทยประดิษฐ์ ลำกล้องขนาด 9 มม. สีเงิน ที่ใช้ยิงภรรยาและตัวเองเสียชีวิตอยู่ข้างรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บห 8294 อุดรธานี ใกล้กับศพพบปลอกกระสุนปืนขนาด .380 มม. ตกอยู่พื้น 4 ปลอก ลูกกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ยิง 4 นัด และในรังเพลิงอีก 1 นัด รวม 9 นัด
นอกจากนี้ยังพบยาบ้าตกกระจายอยู่บนพื้น 18 เม็ด ตรวจสอบในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของ นายพานทอง สามี พบถุงพลาสติกบรรจุยาบ้าอีก 58 เม็ด ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเมื่อเวลา 23.30 น. พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชา เก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ก่อนสอบสวนปากคำ นางดารา หลักกอ อายุ 58 ปี แม่นายพานทอง พยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุถึงสาเหตุการฆาตกรรมในเบื้องต้น และนายสว่าง ผิวแดง อายุ 69 ปี พ่อของนาวสาวอารยา ที่เดินทางมาดูศพลูกสาว
นางดารา หลักกอ แม่นายพานทองให้การว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสะใภ้และลูกชายไปกินข้าวเย็นอยู่ที่บ้านพ่อตาแม่ยาย ที่อยู่ห่างกันราว 500 เมตร และลูกชายขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้าน ส่วนลูกสะใภ้ยังอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเขา ลูกชายได้โทรศัพท์หาภรรยาให้กลับมานอนที่บ้าน และมีน้ำเสียงเหมือนจะทะเลาะกัน จากนั้นลูกสะใภ้ให้ญาติขี่รถจักรยานยนต์มาส่ง ก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ตนจึงออกไปดูและบอกลูกชายและลูกสะใภ้ว่า เมื่อมาหากันแล้วทะเลาะกันก็ไม่ต้องมา จากนั้นตนก็เดินกลับเข้าบ้าน แล้วได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด จึงวิ่งออกมา พบว่าลูกชายกำลังใช้ปืนจ่อยิงหัวตนเอง ตนตกใจมากร้องบอกลูกชายว่าอย่าทำ แต่ลูกชายก็พยามลั่นไกปืนอยู่หลายครั้ง คาดว่ากระสุนปืนขัดลำกล้อง ก่อนจะได้ยินเสียงปืนอีก 1 นัด และร่างลูกชายก็ล้มลง
นาดาราบอกว่าสาเหตุหลักมาจากเรื่องลูกชายหึงหวงเมีย กลัวเมียปันใจให้ชายอื่น ซึ่งตนก็รู้ว่าลูกชายเป็นคนขี้หึง และเพิ่งอยู่กินกันฉันสามีภรรยามาได้เพียง 2-3 เดือน แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ตนเองเคยได้ยินลูกชายกับลูกสะใภ้คุยกันว่า ถ้าไปมีคนใหม่จะฆ่าให้ตาย และไม่คิดว่าลูกชายจะทำจริง
โดยทุกครั้งที่มาบ้านก็จะทะเลาะกันเรื่องนี้เป็นประจำ แต่เวลาอยู่บ้านฝ่ายหญิงจะไม่ทะเลาะกัน ตนเป็นแม่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตนก็เคยเตือนลูกชายอยู่ตลอดว่าอย่าฆ่ากันเลยเพราะจะติดคุกตลอดชีวิต และวันนี้ลูกชายก็ดูแปลกๆ ช่วงกลางวันลูกชายมากอดและมาหอมแม่ เพราะทุกครั้งเพียงแค่กอดแม่ พร้อมกับบอกว่า "ให้แม่อยู่ดีๆ อย่าคิดอะไรมาก ผมจะให้แม่สบาย เหมือนกับพูดเป็นลางไม่ดี"
ด้าน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากสอบถามเบื้องต้น พยานที่เห็นเหตุการณ์ คือแม่ฝ่ายชายได้ยินเสียงอาวุธปืนดังขึ้น จึงออกมาดูพบว่าลูกชายใช้ปืนยิงภรรยา ก่อนที่จะใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเอง โดยผู้ก่อเหตุเคยต้องโทษในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น ในปี พ.ศ. 2552 ติดคุก 6 ปี ออกมาได้เพียง 4-5 เดือน ก็มาถูกจับดำเนินคดีในข้อหา ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
หลังพ้นโทษออกมาได้เพียง 4 เดือนก็มาคบหาและแต่งงานกับนางสาวอารยา แต่ฝ่ายชายเป็นคนขี้หึง และให้ภรรยาลาออกจากงานที่โรงงานน้ำตาล มาทำไร่ทำสวนทำนาอยู่ที่บ้าน และอยู่กินด้วยกันได้ไม่นานก็มาเกิดเหตุสลดขึ้น