กาฬสินธุ์-ชาวนาจังหวัดกาฬสินธุ์เฮลั่น รับเงินประกันรายได้ทำนา และเงินค่าเก็บเกี่ยวข้าว ปีผลิต 2564/65 เผยชาวนาสุดพอใจ มีเงินทุนทำนาปรัง ทั้งไว้ใช้จ่ายยามฝืดเคือง ด้านเกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ เผยภาพรวมรัฐโอนถึงมือชาวนาแล้ว 9 งวดกว่า 3,678
ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำนาปรังของชาวนา จ.กาฬสินธุ์ ช่วงฤดูแล้งในเขตชลประทานเขื่อนลำปาว เริ่มลงมือเพาะปลูกข้าวนาปรังกันอย่างคึกคัก หลังเขื่อนลำปาว ได้ระบายน้ำมาตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 แม้ราคาขายข้าวเปลือกนาปีที่ผ่านมาจะตกต่ำ แต่วันนี้ชาวนากลับมาทำนาด้วยความหวังใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นผลพวงจากการได้รับเงินประกันรายได้ รวมทั้งยังได้รับเงินค่าเก็บเกี่ยวอีกไร่ละ 1,000 บาท เป็นรายได้ 2 ต่อ จากที่ก่อนหน้านี้ขายข้าวเปลือกขาดทุน
นายพงษ์ศักดิ์ ชินคีรี เกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่าโครงการที่รัฐบาลมอบให้ชาวนาฤดูกาลผลิต 2564/65 มี 2 โครงการ คือโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเงินส่วนต่าง และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเงินค่าเก็บเกี่ยว ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวไว้และผ่านการรับรอง จำนวน 153,884 ครัวเรือน 265,859 แปลง เนื้อที่ 1,558,244.46 ไร่ ผ่านการรับรองและได้รับการช่วยเหลือ ตัดยอดล่าสุด 9 งวด (4 ม.ค.65) จำนวน 153,544 ครัวเรือน 264,997 แปลง เนื้อที่ 1,553,351.34 ไร่
ผลการโอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 2,272,155,530 บาท ขณะที่ผลการโอนเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำนวน 1,406,498,618 บาท รวมจำนวน 3,678,654,188 ล้านบาท โดยยังเหลือที่จะโอนให้อีก 2 งวด รวมที่รัฐบาลจะจัดโอนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้ง 2 โครงการทั้งหมด 11 งวด ซึ่งผลการดำเนินการที่ผ่านมาเกษตรกรได้รับความพึงพอใจ 100%
ด้านนายประเสริฐ ภูสิงหา อายุ 55 ปี ชาวนาบ้านหนองบัวหน่วย อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์กล่าวว่า ตนทำนา 19 ไร่ ขายผลผลิตข้าวนาปีได้กิโลกรัมละ 6 บาท ซึ่งขาดทุน เนื่องจากค่าปุ๋ยเคมี ค่าเก็บเกี่ยวสูง จนคิดว่าฤดูแล้งนี้ไม่อยากจะทำนาปรัง เพราะทำไปก็ขาดทุนซ้ำซาก แต่พอรัฐบาลจัดเงินส่วนต่างและค่าเก็บเกี่ยวให้ โดยโอนผ่าน ธ.ก.ส.ครอบครัวตนได้เกือบ 30,000 บาท ทำให้พอมีเงินใช้หนี้ปุ๋ยเคมี และชดเชยค่ารถเกี่ยวข้าว ทั้งมีเหลือพอใช้จ่ายในครัวเรือนบ้าง จึงมีกำลังใจจะทำนาต่อไป ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลมีโครงการดีๆนี้ต่อเนื่องตลอดไป
ขณะที่นายวิจิตร พิเมย อายุ 60 ปี ชาวนาบ้านโคกเครือ ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าตนเพิ่งนำนาปี ซึ่งเป็นข้าวเหนียว กข.6 มาขายวันนี้ เพราะชะลอการขายไว้ก่อน ที่ผ่านมาราคารับซื้อตกต่ำเพียงกิโลกรัมละ 5 บาท พอทราบว่าช่วงนี้แหล่งรับซื้อปรับราคาสูงขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 10 บาท จึงนำข้าวเปลือกมาขาย ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่มีโครงการให้เงินส่วนต่างและค่าเก็บเกี่ยว เหมือนเป็นเงินที่ฝากไว้แก้ขัดสนในยามฝืดเคือง บรรเทาความเดือดร้อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 พอจะลงมือทำนาปรัง ก็จะได้มีเงินเป็นทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว ค่ารถไถและค่าปุ๋ยเคมีต่อไป