บุรีรัมย์ - อสม.บ้านโคกวัด อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่ติดตามสังเกตอาการกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัว 10 ครัวเรือน เพราะสัมผัสใกล้ชิดคลัสเตอร์เขยชาวอังกฤษ ล่าสุดพบติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 3 ราย ผวารอยืนยันผลว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่
วันนี้ (28 ธ.ค.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) บ้านโคกวัด ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ติดตามสังเกตอาการพร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวตามมาตรการด้านสาธารณสุข ให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับเขยชาวอังกฤษ วัย 46 ปี ที่เดินทางกลับมาหาภรรยาชาวไทยที่บ้านโคกวัด ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน เมื่อคืนวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งวันที่ 24 ธ.ค. เขยชาวอังกฤษมีไข้สูง ภรรยาจึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลบ้านด่าน ผลตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19
จึงส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ และได้ส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 9 นครราชสีมา ว่าเป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่ และล่าสุดเมื่อวานนี้ 27 ธ.ค. พบว่าภรรยาชาวไทย และผู้สูงอายุซึ่งเป็นย่าอายุ 80 ปี ที่สัมผัสใกล้ชิดก็ติดเชื้อโควิดจากหนุ่มอังกฤษรายดังกล่าวรวมเป็น 3 รายแล้ว
ทั้งนี้ เบื้องต้นจากการสอบสวนโรคของทางสาธารณสุขอำเภอและโรงพยาบาลบ้านด่าน พบว่ามีญาติและชาวบ้านที่สัมผัสใกล้ชิดกับชายชาวอังกฤษรายดังกล่าวที่ต้องถูกกักตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 14 วัน จำนวน 10 ครัวเรือน ซึ่งจากข้อมูลพบว่าในหมู่บ้านมีเขยชาวต่างชาติกว่า 10 ครัวเรือน ขณะนี้มีบางคนที่ชะลอหรือเลื่อนการเดินทางกลับมาในพื้นที่แล้ว เนื่องจากกังวลเรื่องความเสี่ยงและขั้นตอนการตรวจสอบและกักตัวที่อาจจะมีเงื่อนไขยุ่งยากมากขึ้นด้วย
นางเปลย ยินีรัมย์ ประธาน อสม.บ้านโคกวัด กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าเขยชาวอังกฤษรายนี้ที่ติดเชื้อโควิดได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง โดยตรวจหาเชื้อล่าสุดวันที่ 20 ธ.ค. 2564 แต่ไม่พบเชื้อจึงเดินทางมาที่บ้านภรรยา แต่พอเดินทางมาถึงหมู่บ้านญาติกลับไม่ได้แจ้งให้ผู้นำหมู่บ้าน และ อสม.ทราบ กระทั่งมีอาการไข้สูงและตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดจึงถูกส่งเข้ารักษาที่ รพ. ซึ่งก่อนที่จะตรวจพบเชื้อชาวต่างชาติคนนี้ได้ไปพบปะใกล้ชิดกับญาติพี่น้อง และชาวบ้านหลายคน จนทำให้ภรรยาและญาติติดเชื้อไปด้วย
จึงอยากจะขอความร่วมมือญาติที่มีลูกหลานทำงานต่างจังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง หรือเขยชาวต่างชาติ หากจะเดินทางกลับมาในหมู่บ้านควรจะแจ้งให้ผู้นำหมู่บ้าน หรือ อสม.ทราบ เพื่อจะได้แนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข จะได้ไม่ส่งผลกระทบหรือเกิดการแพร่กระจายเชื้อ
ขณะที่ นายสนั่น กางรัมย์ อายุ 73 ปี ชาวบ้านโคกวัดที่มีลูกเขยเป็นชาวเยอรมันซึ่งปัจจุบันลูกสาวไปใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่ต่างประเทศด้วย บอกว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวและลูกเขยวางแผนจะเดินทางกลับมาเยี่ยมช่วงปีใหม่ 2565 แต่พอสถานการณ์โควิด-19 กลับมาระบาดซ้ำอีกโดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ก็ทำให้ลูกสาวและลูกเขยโทร.มาบอกว่าจะชะลอการเดินทางก่อนโดยไม่มีกำหนด เพราะไม่อยากเสี่ยงอีกทั้งขั้นตอนการตรวจสอบต่างๆ รวมถึงจะต้องมีการกักตัวตามมาตรการอีกซึ่งอาจจะไม่สะดวกและยุ่งยากมากขึ้น ตัดสินใจยังไม่กลับมารอจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย ซึ่งตนเห็นด้วยกับลูกสาวและลูกเขยถึงแม้จะคิดถึงและอยากให้มาเยี่ยม แต่เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของทั้งสองฝ่าย