อุดรธานี-สาวออฟฟิศวัย 31 ปีชาวอุดรเสียรู้แก๊งสิบแปดมงกุฎใช้รูปโปรไฟล์หนุ่มหน้าหล่อสไตล์เกาหลีขอแอดเป็นเพื่อนเฟซบุ๊กหยอดคำหวานจีบจนตายใจ อ้างส่งพัสดุแก้วแหวนเงินทองมาให้แต่ต้องโอนจ่ายค่าดำเนินการทางศุลกากร สุดท้ายสูญเงิน 5.9 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 ธันวาคม 2564 น.ส.จุ๋มจิ๋ม นามสมมติ อายุ 31 ปี ชาวอุดรธานี ได้เดินทางไปยัง สภ.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี แจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.รัชพล โมรารัตน์ สารวัตรสอบสวน ว่าได้รับความเสียหายจากการถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอกลวง จนสูญเงิน 5.9 แสนบาท เหตุเกิดระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.จุ๋มจิ๋มเล่าว่าทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีชายต่างชาติชาวเกาหลีหน้าตาดีขอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ตนจึงกดรับ ชายคนดังกล่าวแนะนำตัวว่า เป็นชาวเกาหลีใต้ อายุ 31 ปี ย้ายถิ่นฐานไปทำงานเป็นวิศวกรทางทะเล อาศัยอยู่ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา จากนั้นก็ได้แชตคุยกันผ่านไลน์เป็นระยะ กระทั่งวันที่ 11 ธันวาคม หนุ่มหล่อรายนี้ได้ไลน์มาถามว่าตนใส่รองเท้าเบอร์อะไร ต่อมาก็แจ้งมาว่าได้ส่งสิ่งของมาให้ตน ภายในกล่องจะมีของมีค่า แต่กล่องพัสดุได้ถูกส่งไปยัง จ.ภูเก็ต ซึ่งตนได้บอกไปว่าไม่ต้องการอะไร
ต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม ได้มีผู้หญิงโทร.มาหาตน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร ผู้รับกล่องพัสดุโทร.มาแจ้งว่ากล่องพัสดุที่ส่งมาถึงตนมีของแบรนด์เนม เพชร ทอง นาฬิกาและเครื่องประดับ ให้ตนจ่ายค่าภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม 10,000 บาท และค่าประกันพัสดุแตกหักสูญหาย 35,000 บาท รวมเป็น 45,000 บาท แล้วจะส่งกล่องพัสดุมาให้ เมื่อกล่องพัสดุถึงมือตน สิ่งของไม่แตกหักสูญหาย ตนจะได้รับเงินคืน 35,000 บาท
เมื่อทราบดังกล่าวนั้น ก็ได้แชตไปบอกชายชาวเกาหลีว่าสิ่งของที่ส่งมาให้ตนนั้นมีค่าใช้จ่าย ตนจะให้พัสดุส่งคืนกลับไป แต่ปรากฏว่าหญิงที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รับกล่องพัสดุบอกว่าไม่มีการส่งกลับ มีแต่ยึดทรัพย์สิน ทำให้ตนสงสารชายชาวเกาหลี จึงได้โอนเงินไปให้ทางบัญชีธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ชื่อบัญชี น.ส.ดาวเรือง นามวรรณ์
น.ส.จุ๋มจิ๋มเปิดเผยต่อว่า หลังจากโอนเงินไปให้แล้ว สักพักเจ้าหน้าที่คนเดิมได้แชตมาบอกว่าได้นำกล่องพัสดุเข้าเอกซเรย์ พบว่ามีเงินสดอยู่ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 16 ล้านบาท อยู่ภายในกล่องด้วย ตนรู้สึกตกใจเพราะเป็นเงินจำนวนมาก เจ้าหน้าที่แจ้งว่าตนจะต้องโอนเงินมาเป็นค่าเอกสารใบแลกเงิน 185,000 บาท ซึ่งตนไม่ได้โอนเงินไปทันที แต่ได้โทร.สอบถามเพื่อนที่มีสามีฝรั่ง เพื่อนก็บอกว่าเป็นไปได้ ตนก็เลยโอนเงินไปอีก ไม่นานเจ้าหน้าที่ยังแชตมาบอกอีกว่าต้องมีค่านำเงินไปแลกอีก 100,000 บาท
ตนบอกว่ามีเงินเหลือแค่ 60,000 บาท เจ้าหน้าที่หญิงรายเดิมบอกให้โอนมาแล้วจะออกที่เหลือให้ก่อน เพื่อจะได้นำเงินออกมา ตนหลงเชื่อก็โอนไปอีก 60,000 บาท
น.ส.จุ๋มจิ๋มเล่าต่อไปว่า ถัดมาวันที่ 18 ธันวาคม เจ้าหน้าที่โทร.มาบอกว่าเงินดอลลาร์ที่ส่งมาเป็นเงินจำนวนมาก ตนต้องเสียภาษีเป็นเงิน 823,500 บาท ถ้าหากตนไม่มีเงิน ก็ให้จ่ายครึ่งเดียวก่อนคือ 4 แสนบาท ตนบอกว่าไม่มีเงินแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าจะยึดพัสดุ ซึ่งชายชาวเกาหลีได้ส่งรูปเพชร ทอง นาฬิกาหรู เครื่องประดับ ของแบรนด์เนมที่อยู่ในกล่องมาให้ดู ตนจึงไปยืมเงินกู้นอกระบบ 3 แสน โอนไปให้ 2 ครั้ง คือ 1.2 แสนบาท และ 1.8 แสนบาท รวมเป็นเงินที่โอนไป 5.9 แสนบาท
วันต่อมาเจ้าหน้าที่คนเดิมก็แชตมาอีกว่าตนต้องโอนเงินมาให้ครบ 823,500 บาท เพื่อนำไปเสียภาษี หากโอนให้ไม่ครบ หัวหน้าจะได้รับความเดือดร้อน อาจจะถูกไล่ออกจากราชการ เจ้าหน้าที่จะแจ้งความดำเนินคดีตน ตนจึงต่อรองว่าจะนำเงินสด 4 แสนบาทเดินทางไปดำเนินการที่สำนักงานเอง ขอที่อยู่สำนักงานและเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้าด้วย แต่เจ้าหน้าที่เงียบไม่ตอบ และชายชาวเกาหลีก็ยังได้โทร.มาคะยั้นคะยอให้ตนไปหายืมเงินอีก 4 แสนบาท โอนเงินไปเอากล่องพัสดุให้ได้
น.ส.จุ๋มจิ๋มบอกว่าได้ยินชายเกาหลีพูดอย่างนั้น ก็รู้สึกโกรธมากเพราะกล่องพัสดุสิ่งของที่ส่งมาให้นั้นตนไม่ได้ขอ ส่งมาแล้วยังทำให้ตนเดือดร้อนอีก จึงบอกให้เขาส่งเงินมาให้ 4 แสนบาท แล้วจะโอนไปให้เจ้าหน้าที่ เมื่อได้กล่องพัสดุมาจะส่งคืนทั้งหมด ไม่เอาอะไรเลย แต่เขาต้องโอนเงินคืนมาให้ตน 5.9 แสนบาท แต่เขาก็บอกว่าไม่มีและยังพูดว่า หากไม่ไปเอากล่องพัสดุเขาจะฆ่าตัวตาย พร้อมกับส่งรูปกรีดข้อมือมาให้ ตนก็เริ่มฉุกใจคิดว่าถูกหลอกแล้ว
“หลังเรียนจบ ฉันก็ทำงานเก็บเงินมาตลอด อยู่กับลูก ไม่เคยรู้เรื่องแก๊งหลอกลวงทางโชเซียล เพราะทำงานแล้วกลับบ้าน ทำให้ไม่รู้กลโกง อีกทั้งเพราะความสงสาร ทำให้ตกเป็นเหยื่อ ต่อไปจะไม่เชื่อใครอีกแล้ว” น.ส.จุ๋มจิ๋มบอก