“ธนจิรา” ปั้นหาญเวลเนสลุยสปา เปิด “มารี เมกโกะ คาเฟ่” ปีหน้า

ผู้จัดการรายวัน 360 - “ธนจิรา” เปิดแผนปีหน้าแตกธุรกิจใหม่ มารี เมกโกะ คาเฟ่ ต่อยอดจากแฟชั่นแบรนด์ พร้อมปั้นสปาเวลเนสสู่ธุรกิจปรึกษางานสปา ปูพรมเปิดใหม่ 10 สาขา

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์จากต่างประเทศและของไทย เช่น แพนดอร่า, มารีเมกโกะ, แคท คิดสตัน และหาญ เปิดเผยว่า ช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปทั่ว โดยเฉพาะการล็อกดาวน์ที่ต้องปิดร้านปิดศูนย์การค้า ส่งผลกระทบต่อยอดขายรวมบริษัทฯ เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็ต้องปรับตัวปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายช่องทางออนไลน์อย่างเต็มที่ทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นมาบ้าง ซึ่งสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์ขณะนี้มีประมาณ 13% เพิ่มจากเดิมแค่ 1% เท่านั้นเอง ส่วนสถานการณ์ขณะนี้เริ่มดีขึ้นแล้วหลังจากการคลายล็อกดาวน์ล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมเป็นต้นมา ซึ่งยอดขายเดือนพฤศจิกายนเริ่มกลับมาถึง 80% แล้ว และหากไม่เกิดการระบาดรุนแรงรอบใหม่อีกในช่วงปลายปีนี้คาดว่าเดือนธันวาคมนี้ยอดขายจะกลับมา 90% เพราะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมไปถึงบริษัททำโปรโมชันและออกสินค้าใหม่เพื่อสร้างแรงจับจ่ายด้วย


นายธนพงษ์กล่าวว่า แม้ว่าจะยังมีสถานการณ์โควิด-19 ระบาดอยู่ต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี แต่ปีหน้า่ (2565) วางแผนจะเปิดร้านใหม่ทุกแบรนด์รวมกันประมาณ 10 สาขา ประกอบด้วย แบรนด์แพนดอร่า 3 สาขา, แบรนด์แคทคิดสตัน 1 สาขา, แบรนด์มารีเมกโกะ 1 สาขา และแบรนด์หาญ 5 สาขา จากปัจจุบันที่มีประมาณ 100 สาขา ซึ่งก่อนช่วงโควิดมีประมาณ 110 สาขา แต่ต้องปิดร้านไปบ้าง โดยเฉพาะแบรนด์หาญที่ปิดมากเพราะลูกค้าหลักคือต่างชาติ ที่ยังคงติดเรื่องการเปิดและปิดประเทศอยู่ ขณะที่ปีนี้เปิดใหม่รวม 5 สาขา คือ แพนดอร่า 1 สาขา, แคทคิดสตัน 2 สาขา, หาญ 1 สาขา และมารีเมกโกะ 1 สาขา และมีฐานสมาชิกรวม 1.8 แสนราย

การเปิดสาขาใหม่จะขยายเข้าไปในตลาดพื้นที่ใหม่ๆ เช่น อัปเปอร์ เซกคันด์ เทียร์ (Upper Second Tier City) ที่ยังมีหลายจังหวัดหลายพื้นที่มีศักยภาพเปิดได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปเปิดในศูนย์การค้าที่เปิดใหม่ๆ ก็ได้ รวมทั้งมีการลดขนาดพื้นที่ร้านค้าลงบ้างให้เหมาะกับสภาพปัจจุบัน หรือแม้แต่การปิดบางสาขาที่ขายไม่ค่อยดีเพราะอย่่ในทำเลที่ตลาดเปลี่ยนไป

อีกทั้งเตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่เอฟแอนด์บี คือ มารี เมกโกะ คาเฟ่ ที่ต่อยอดจากร้านมารีเมกโกะเดิม โดยใช้อุปกรณ์หลัก เช่น จาน ชาม ถ้วย ผ้า ของมารีเมกโกะทั้งหมด โดยได้เจรจากับทางเจ้าของแบรนด์มารี เมกโกะเรียบร้อยแล้ว และไทยจะเป็นประเทศเดียวในโลกของมารีเมกโกะที่มีการเปิดคาเฟ่ ก่อนนี้เคยมี เปิดที่ดูไบแต่ได้เลิกไปแล้ว รวมไปถึงเปิดหาญเวลเนส ธุรกิจให้คำปรึกษาทางด้านสปา และการเข้าซื้อธุรกิจใหม่ที่มีความน่าสนใจ แต่จะใช้วิธีเข้าไปลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย


นายธนพงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากการขยายสาขาใหม่แล้ว ยังต้องปรับกลยุทธ์ตลาดด้วย โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับทาง อาโตมี่ ที่เป็นแพลตฟอร์มชำระเงินซื้อก่อนจ่ายทีหลัง โดยลูกค้าที่ซื้อสินค้าในกลุ่มธนจิราทั้งหมดสามารถชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชันอาโตมี่แบบผ่อนชำระขั้นต่ำได้ 3 เดือน เริ่มต้น 20 บาท ไม่มีดอกเบี้ยเพื่อสร้างความสะดวกและให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และเป็นการขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกด้วย ตั้งเป้าหมายจะทำให้บริษัทฯ มียอดขายรวมเติบโต 40% ในปี 2565 ซึ่งอาโตมี่ก็มีการร่วมมือกับทางแพนดอร่าในต่างประเทศอยู่แล้วเช่นกัน

“ส่วนแบรนด์หาญก็ปรับตัวสินค้าให้ตรงกับตลาดคนไทยมากขึ้น จากเดิมเน้นขายคนต่างชาติ ดีไซน์ร้านใหม่ให้ดูสดใสจากเดิมที่อาจจะดูมืดๆ และลึกลับ”

สำหรับแพนดอร่ายังเป็นแบรนด์รายได้หลักทำตลาดมานาน 11 ปี กว่า 60% จากเดิม 52% ส่วนแบรนด์หาญลดลงเหลือ 15% จากเดิมมี 25% ที่เหลืออีก 2 แบรนด์รวมกัน

นายภูมิพงษ์ ตันเจริญผล ผู้จัดการทั่วไป Atome ประเทศไทย กล่าวว่า เรารู้สึกมีความยินดีและตื่นเต้นที่ได้ขยายความร่วมมือกับแบรนด์ในเครือกลุ่มบริษัทธนจิรา กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์แฟชั่นที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านของแบรนด์ในเครือ อย่าง Pandora, Marimekko, Cath Kidston, VUUDH และ HARNN ด้วยบริการแบ่งชำระของ ATOME ที่มีความปลอดภัย สะดวกสบาย และยืดหยุ่น และเร็วๆ นี้ลูกค้ายังสามารถใช้บริการของ ATOME บนเว็บไซต์ของธนจิรา กรุ๊ปได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับช่วงเทศกาลแห่งการให้ที่กำลังจะมาถึงนี้”