xs
xsm
sm
md
lg

รวบสาวแสบอ้างเป็นศุลกากร ตุ๋นเหยื่อจ่ายเบี้ยปรับค่าภาษีนำเข้ากว่า 1.3 แสนบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจ ดส.จับกุมสาวลูกจ้าง กทม.อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร หลอกผู้เสียหายจ่ายเบี้ยปรับค่าภาษีของนำเข้ากว่า 1.3 แสนบาท

วันนี้ (22 ธ.ค.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.ดส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชยุต ยอดยิ่งนาทกุล พ.ต.ท.นราธิป คงเพ็ชร์ พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล รอง ผกก.ดส. สั่งการให้ พ.ต.ท.หญิง พรรัมภา พัฒนาวาท สว.กก.ดส. ร.ต.อ.กฤษณะ มั่นศักดิ์ ร.ต.ต.สมยศ สุขอร่าม ร.ต.ต.ณรงค์วิทย์ หนูพุก รอง สว.กก.ดส. และชุดสืบสวน กก.ดส.จับกุม น.ส.เพ็ญประภา ยะรังวงษ์ อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ที่ จ.272/2564 ลงวันที่ 15 พ.ย. 2564 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” จับกุมได้ที่บริเวณ ภายในซอยอ่อนนุช 86 แยก 2 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ผู้เสียหายแจ้งว่า ได้มี น.ส.อาเมเลีย เพรช ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Amelia Presh ซึ่งเป็นแฟนเก่า ได้เข้ามาสนทนาทางแชตของเฟซบุ๊กกับผู้เสียหาย โดยแจ้งว่า ตนต้องการมาอยู่ที่ประเทศไทย ผู้เสียหายจึงได้ตอบตกลงและรับดูแลอำนวยความสะดวก ต่อมา น.ส.อาเมเลีย แจ้งว่า ต้องส่งข้าวของเครื่องใช้มาก่อนทางพัสดุ ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2563 ได้มีบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร โทรศัพท์มาแจ้งกับผู้เสียหายว่าพัสดุมาถึงแล้ว และให้จ่ายเงินค่าภาษีเพื่อนำพัสดุดังกล่าวออกไป เป็นเงินจำนวน 35,000 บาท โดยให้โอนเงินไปยัง บัญชีธนาคารชื่อบัญชี Panprapa Yarangwong ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปยังบัญชีดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 35,000 บาท จากนั้นบุคคลดังกล่าวได้โทรศัพท์มาอีกครั้ง แจ้งว่า พัสดุผ่านเครื่องสแกนแล้ว พบว่า ข้างในมีข้าวของเครื่องใช้และเงินสดเป็นจำนวนมาก บุคคลดังกล่าวจึงได้แจ้งให้ผู้เสียหาย จ่ายเงินเบี้ยปรับในความผิดฐาน “นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่สำแดง” เป็นเงินจำนวน 98,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารดังกล่าวอีกครั้ง

ต่อมาบุคคลดังกล่าวได้โทรศัพท์มาอีก แจ้งว่า ต้องจ่ายเงินค่าปรับอีกจำนวน 200,000 บาท จึงจะนำพัสดุดังกล่าวออกมาได้ ผู้เสียหายเห็นว่าผิดสังเกต จึงมิได้โอน และได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เพ็ญประภา เจ้าของบัญชี จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทำงานเป็นลูกจ้างกรุงเทพมหานคร โดยไม่ทราบกรณีที่มีการหลอกลวงดังกล่าว และไม่ได้ทราบเรื่องเงินเข้าบัญชีที่โอน ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนเปิดบัญชีแต่อย่างใด แต่จากการตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมทราบว่าเงินที่ถูกประทุษร้ายดังกล่าวได้ถูกเบิกถอนออกบริเวณจังหวัดปทุมธานี และอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บริเวณหน้าธนาคาร ทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายเป็นคนเดียวกับ น.ส.เพ็ญประภา หรือไม่ โดยมูลค่ารวมความเสียหายเป็นเงินจำนวน 133,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หลักห้า จ.ราชบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น