ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกโรงเตือน ประชาชนและนักลงทุนระวังมิจฉาชีพลวงลงทุนเว็บปลอมเทรดบิทคอยน์-คริปโต แนะศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบจากแหล่งข้อมูลด้านการลงทุน เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. อย่าโลภเพราะผลตอบแทนสูง เตรียมประสานกูเกิลเร่งกวาดล้าง
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม (DES) ได้แถลงถึงเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านระบบออนไลน์ของศูนย์ 1212 โดยได้รับการประสานงานจากนางแน่งน้อย อัศวกิตติกร ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) นำตัวผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนเรื่องการถูกโกงออนไลน์ทั้งจากการถูก หลอกลวงลงทุน เงินคริปโต และเว็บไซต์เงินกู้เถื่อน จากการเปิดเผยของผู้เสียหายอายุเพียง 20 ปี ระบุว่า อยากหารายได้พิเศษ โดยถูกหลอกให้ลงทุนออนไลน์เล่นบิทคอยน์ ผ่านเว็บไซต์ ครั้งเเรกมีการลงทุน เปิดบัญชี 50 บาทจากนั้น ลงทุนไป 6 ครั้งก็มีกำไรเป็นผลตอบเเทน ทำให้มีความมั่นใจ จนใส่เงินลงทุนเพิ่มเข้าไป กระทั่งพบว่าตนเองถูกหลอกให้ต้องลงทุนซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 218,791 บาท
อย่างไรก็ดี ขณะนี้กำลังดำเนินการเร่งปิดกั้นเว็บไซต์เหล่านั้น ตลอดจนติดตามขบวนการผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ ยังฝากเตือนนักลงทุนให้ตรวจสอบพิจารณาอย่างรอบคอบ ก้าวให้ทันกับการหลอกหลวงในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะปัญหาเว็บหลอกให้ลงทุนในเงินดิจิทัล (คริปโต) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ ทางกระทรวงดีอีเอส ร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อยู่ระหว่างการทำประสานกับทางกูเกิล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ search engine รวมทั้งเว็บด้านการลงทุนเทรดคริปโต ที่อยู่ในข้อมูลขแงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วมากกว่า 10 ราย เพื่อหารือชี้แจงข้อกำหนดร่วมกันในการสร้างมาตรฐานให้สูงขึ้น เพื่อให้ประชาชนมั่นใจจะไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้ ดังนั้นหากนักลงทุนไม่มั่นใจควรศึกษาข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ก่อน
"ปัจจุบันนี้เว็บเสมือน (Virtual Web) ซึ่งเป็นเว็บหลอกของพวกมิจฉาชีพออนไลน์ จะมีการตั้งชื่อเหมือนหรือชื่อคล้ายกับเว็บลงทุนจริงที่ ก.ล.ต. ให้การรับรอง จากนั้นเว็บของมิจฉาชีพ จะใช้วิธีการเข้าไปซื้อโฆษณาของกูเกิล เพื่อให้แสดงผลเป็นอันดับแรก ดังนั้นเมื่อมีการค้นหาข้อมูลเว็บที่ต้องการ เว็บหลอกพวกนี้ก็จะขึ้นมาเป็นอันดับ 1 เพราะชื่อคล้ายกัน ถ้าใครหลงคลิกเข้าไป เว็บปลอมเหล่านั้นจะเก็บ log ชื่อล็อกอินและรหัสผ่านของเหยื่อ และนำเข้าไปจัดการบัญชีของบุคคลนั้น ๆ ที่อยู่ในเว็บจริงเพื่อโอนเงินออกไปที่อื่น ขณะที่ การร่วมหารือกับเว็บเพจด้านการซื้อขายการลงทุนที่ ก.ล.ต. รับรอง อาจมีการตั้งข้อกำหนดให้การใช้วิธีการเข้ารหัส หรือใช้ระบบ face detection และ 2FA เพื่อยืนยันตัวตนในการเข้าถึงต่อไป"
นอกจากนี้ทางกระทรวงกำลังประสานกับกูเกิลและเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้านนี้เพื่อมิให้มีเว็บที่หลอกลวงประชาชน แต่ก็ต้องยอมรับว่าระบบอินเทอร์เน็ตหรือ โซเชียลมีเดียเป็นระบบเปิด ดังนั้นแนวทางที่ดีที่สุดคือ ประชาชนถ้าจะเข้าไปเว็บไซต์ไหนที่เป็นการลงทุน ต้องระมัดระวัง ดูตัวสะกดยูอาร์แอล/ชื่อเว็บไซต์อย่างรอบคอบ เพราะเว็บหลอกอาจมีการเพิ่มตัวอักษรไว้ท้ายชื่อเหมือน และควรเข้าเฉพาะเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ ขอให้ตระหนักว่าหากไม่รู้จักตัวตนกันจริง ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ดังกล่าวนั้น
นอกจากนี้ ในส่วนของปัญหาเว็บเงินกู้ออนไลน์ ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้รับข้อร้องเรียนและมีการปิดกั้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีการเปิดใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นกัน ดังนั้น อยากฝากเครือข่ายภาคประชาชนให้ช่วยแจ้งเตือนประชาชนด้วย ขณะที่ ในส่วนของกระทรวงฯ ที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้คือ การประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับเรื่องบัญชีม้า เพราะเป็นปัญหาใหญ่ จุดเริ่มต้นของมิจฉาชีพคือ การใช้บัญชีปลอมในการโอนเงินและเอาเงินไปใช้ ถ้าสามารถกำจัดเรื่องบัญชีม้าได้ ก็จะลดปัญหาเรื่องการหลอกลวงทางออนไลน์ได้อย่างมาก
"ปัจจุบันโลกดิจิทัลมีการปลอมแปลงและหลอกลวงกันง่ายมาก และการหลอกลวงออนไลน์เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยยุคนี้ เพราะโซเชียลไม่รู้จักตัวตน อยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าเวลาติดต่อใครในโลกออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย อย่าเชื่อเด็ดขาด เพราะถ้ามีการโอนเงินไปแล้วจะได้คืนยากมาก หรือไม่ได้คืนเลยก็มี เพราะมิจฉาชีพมักใช้ความกลัวและความโลภมาหลอกลวงให้ตกเป็นเหยื่อ" นายชัยวุฒิ กล่าว