หนองคาย - รองเลขาฯ อย.ลงพื้นที่ด่านพรมแดนหนองคายตรวจสอบการนำเข้าผัก ผลไม้ ที่มาจากการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟจีน-ลาว หลังเปิดใช้อย่างเป็นทางการมีการขนเข้าประเทศมากขึ้น ย้ำคุมเข้มมาตรการตรวจสอบผักผลไม้ตามมาตรฐาน หากพบปนเปื้อนจะไม่อนุญาตให้นำเข้าพร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย เผยมีทั้งผลดีผลเสียให้ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกได้พิจารณาโอกาสจากรถไฟสายนี้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายแพทย์ วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้นำคณะลงพื้นที่ จ.หนองคาย ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของด่านอาหารและยาหนองคาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้หารือร่วมกับ พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ นายด่านศุลกากรหนองคาย, นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุข จ.หนองคาย ถึงมาตรการการบริหารจัดการและบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ที่ประจำด่านพรมแดน
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า จากที่ปรากฏตามข่าวว่ามีรถไฟระหว่างประเทศจีน-ลาว เปิดให้บริการและมีสินค้าโดยเฉพาะผักผลไม้ผ่านทางช่องทางนี้มากขึ้น โดยในวันที่ 16-17 ธ.ค. 64 ทีม อย.ได้ลงมาดูพื้นที่หน้างานว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคใดๆ หรือไม่ในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรประจำด่านอาหารและยาหนองคาย ในการตรวจสอบผัก ผลไม้จากต่างประเทศที่จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพบว่านับตั้งแต่เปิดเดินรถไฟจีน-ลาว มีการนำเข้าผัก ผลไม้มาในไทยมากขึ้น โดยมีจำนวน 33 ใบขน
ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนจะอนุญาตให้นำเข้าประเทศ โดยตามหลักเกณฑ์การตรวจสอบผัก ผลไม้ จะมีมาตรการคุมเข้ม ด้วยการตรวจสอบหนังสือรับรองมาตรฐานระบบการผลิตอาหาร การสุ่มตรวจผักผลไม้โดยใช้เกณฑ์ความเสี่ยงที่อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หากพบว่ามีผักผลไม้เคยมีประวัติตกมาตรฐานจะกักกันสินค้าไม่ให้เข้าประเทศ และตรวจสอบว่ามีสารเคมีอันตรายตกค้างหรือไม่
หากพบว่าไม่มีจึงจะตรวจปล่อยสินค้า แต่หากพบมีการปนเปื้อนสารตกค้างจะไม่อนุญาตให้นำเข้าและจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบจะใช้เวลา 5-7 วัน นอกจากนี้จะมีการทำงานเชิงรุกโดยพัฒนาห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์เบื้องต้นที่ด่านอาหารและยาหนองคาย เพื่อใช้คัดกรองความเสี่ยงของผักผลไม้ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้าประเภทผักผลไม้ได้รวดเร็วขึ้นควบคู่กับการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการเปิดใช้รถไฟระหว่างประเทศจีน-ลาว ในปีงบประมาณ 2564 มีการใช้บริการขนส่งทางราง 34 ใบขน 147 ตู้ มูลค่า 45 ล้านบาท มูลค่าที่ประเทศไทยส่งสินค้าออกไปจีนจำนวน 1,109,620 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 เป็นการส่งออกผลไม้ 150,964 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14
แต่ไทยยังไม่สามารถส่งผลไม้ไปจีนด้วยเส้นทางรถไฟนี้ได้ในขณะนี้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเป็นด่านจำเพาะเพื่อการนำเข้าผลไม้ที่ด่านรถไฟโมฮาน
ทั้งนี้ เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านรูปแบบการขนส่งสินค้า เนื่องจากการขนส่งทางรางจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการได้มาก ทำให้ต้องมีการปรับตัวให้โอกาสในการดำเนินการขนส่งสินค้า ผู้ประกอบการไทยต้องหาจุดแตกต่างจากคุณภาพสินค้าและบริการนำเสนอผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศในการแข่งขันทางการค้า และไม่อยากให้แตกตื่นจากการนำเข้าสินค้าไม่ใช่ในลักษณะการทะลักจนไม่สามารถควบคุมได้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพได้
