พระนครศรีอยุธยา - หลายภาคส่วนลงพื้นที่เร่งตรวจสอบรถแรงงานพลิกคว่ำตายเจ็บหลายราย บนถนนสายริมคลองชลประทานบ้านนา หมู่ที่ 2 ต.บ้านนา อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา สืบสวนปูพรมเร่งไล่ล่าหาคนขับที่หลบหนี
จากกรณีเมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (8 ธ.ค.) ร.ต.อ.นพพล ภูสำรอง รอง สว.สอบสวน สถานีตำรวจภูธรมหาราช อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุกู้ภัยอยุธยา เกิดอุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย ส่วนคนขับอีก 1 ราย วิ่งหลบหนีไปได้ จุดเกิดเหตุบนถนนสายริมคลองชลประทานบ้านนา หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านนา อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย ไกรวีระเดชาชัย ผกก.สภ.มหาราช หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เทา แค็บ หมายเลยทะเบียน บท 6137 สุโขทัย อยู่ในสภาพพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้าตกถนน ตัวรถพังเสียหายยับเยิน จากการตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิต เป็นชาย 3 ราย ร่างกระเด็นออกมาจากนอกตัวรถเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ร่างกระเด็นออกมาจากตัวรถ นอนร้องครวญครางขอความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ทั้งหญิงและชาย เจ้าหน้าที่จึงทำการลำเลียงผู้บาดเจ็บทั้งหมด จำนวน 15 ราย ส่ง รพ.มหาราช 11 ราย รพ.อ่างทอง 4 ราย
สอบถาม ด.ต.ไชยวิชิต แสนทรัพย์ ตำรวจทางหลวงจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่าขณะออกตรวจพื้นที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา พบรถยนต์กระบะต้องสงสัย จำนวน 2 คัน วิ่งผ่านมาตามถนนสายเอเชีย บริเวณพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ลักษณะขับตีคู่และแข่งกันมา จึงส่งสัญญาณให้รถยนต์กระบะคันดังกล่าวหยุด แต่คนขับกลับเร่งเครื่องเพื่อหลบหนีตั้งแต่จังหวัดสิงห์บุรี โดยให้เส้นทางถนนสายเอเชีย เข้าพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหลบหนีมาตามเส้นทางสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ วิ่งเข้าถนนริมคลองบ้านนา หมู่ 2 จนเกิดเหตุพลิกคว่ำและมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
ต่อมา เวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นางอมรรัตน์ กรึงไกร นายอำเภอมหาราช นายกฤษณ์ แก้วทองหลาง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุด้วยตนเองเพื่อทำการตรวจสอบสาเหตุที่มาที่ไปของกลุ่มแรงงานต่างด้าวทั้งหมดว่ามาจากที่ไหน ใครเป็นผู้นำพา
เบื้องต้น ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ทั้งในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง กระจายกำลังตรวจสอบหาตัวคนขับที่ยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ เชื่อว่าคงไปได้ไม่ไกล เนื่องจากอาจจะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงเดินทางตรวจสอบ พบว่า พื้นที่เป็นบริเวณกว้าง มีทั้งทุ่งหน้าและบ่อน้ำ อาจจะยังไปได้ไม่ไกล
พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตอนนี้เบื้องต้นผู้บาดเจ็บ 15 ราย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปทำการสอบสวน อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามาจากไหน ซึ่งผู้บาดเจ็บกระจายไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ ได้แก่โรงพยาบาลมหาราช 11 ราย โรงพยาบาลอ่างทอง 3 ราย ซึ่งทั้งหมดจะต้องตรวจสอบว่าเข้ามาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ ตรวจสอบประวัติทั้งผู้บาดเจ็บและคนขับ ถ้าพบมีการกระทำความผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านชาวบ้านกล่าวว่า เห็นรถตำรวจทางหลวงขับไล่รถกระบะคันดังกล่าวบนถนนสายบ้านนา-มหาราช แต่ไม่ได้มีการเปิดไฟหรือเปิดเสียงแต่อย่างใด มาด้วยความเร็ว แล้ววนกลับมาวิ่งเส้นทางถนนคันคลองอีกฝั่งก่อนรถยนต์กระบะมาด้วยความเร็วเหินช่วงคอสะพาน จึงวิ่งมาดูเห็นคนเจ็บร้องโอดครวญกระจายเกลื่อนถนน และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยอาสามาช่วยเหลือดังกล่าว
ล่าสุด เวลา 13.00 น. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย ไกรวีระเดชาชัย ผกก.สภ.มหาราช ตำรวจทางหลวง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และชุดสืบสวนจังหวัด สืบสวนในพื้นที่ใกล้เคียงเร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมถึงตรวจเอกสารต่างๆ ภายในรถ รวมถึงสอบปากคำผู้บาดเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบอย่างละเอียดทางเทคนิค ซึ่งตอนนี้รู้แล้วว่าใครเป็นผู้ครอบครองรถ ได้ประสานตำรวจภูธรในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบที่บ้านเจ้าของรถคันนี้ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นชาวพม่า เดินทางมาจากเมืองเมียวดี แล้วมาประสบอุบัติเหตุ ซึ่งจะเข้าไปตอนในของประเทศ ยังไม่พบเอกสารยืนยันการเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่ามีคนขับเป็นคนไทยเพียงคนเดียว ตอนนี้ได้จัดชุดสืบสวนเดินเท้าออกค้นหาผู้ขับขี่ที่ยังหลบหนี รวมถึงโดรนบินค้นหาและจะนำสุนัขดมกลิ่นเข้ามาช่วยอีกด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลจากแหล่งข่าวรายงานว่าทั้งหมดเดินทางเข้ามาในค่าหัวรายละ 25,000 บาท และจะเดินทางไปที่จังหวัดชลบุรี ก่อนที่จะกระจายกันออกไปทำงานในพื้นที่ต่างๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะเร่งติดตามผู้ที่คาดว่าเกี่ยวข้องมาสอบสวนเพิ่มเติมก่อนเพื่อจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่มากับรถกระบะ แพทย์จากโรงพยาบาลตรวจร่างกายผลเป็นลบทั้งหมด รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงที่มาที่ไปของแรงงานทั้งหมดอีกครั้ง