เชียงใหม่ - โควิด-19 เชียงใหม่ตายรายวันเพิ่ม 3 ราย พร้อมติดเชื้ออีก 242 ราย ส่อผุดคลัสเตอร์ระบาดใหม่อีกเพียบ ทั้งงานทอดกฐินวัดทรายมูลเมือง ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารเวียดนาม ตลาดสด และไซต์งานก่อสร้าง เตือนกลุ่มเสี่ยงสัมผัสสังเกตอาการและเข้ารับการตรวจคัดกรองด่วน
ช่วงค่ำวันนี้ (20 พ.ย. 64) คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่วันนี้ (20 พ.ย. 64) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 242 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด 5 ราย มาจากกรุงเทพมหานคร ที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด โดยมาจากคลัสเตอร์ต่างๆ ประกอบด้วย คลัสเตอร์ใหม่และคลัสเตอร์ที่มีการระบาดต่อเนื่อง 27 ราย ได้แก่ คลัสเตอร์กลุ่มทำนา หมู่ 7 ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง 5 ราย, คลัสเตอร์สถานรับเลี้ยงเด็ก ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง 3 ราย, คลัสเตอร์กฐินวัดหนองไคร้หลวง ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย 3 ราย, คลัสเตอร์ไซต์งานก่อสร้าง หมู่ 4 ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง 2 ราย และคลัสเตอร์สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ 2 ราย
ส่วนคลัสเตอร์เดิมที่ตรวจพบจากกลุ่มเสี่ยงระหว่างการกักตัว การออกตรวจเชิงรุก และการติดตามผู้สัมผัส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 39 ราย ได้แก่ คลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ 11 ราย, คลัสเตอร์บริษัทนิ่มซี่เส็ง สาขาฟ้าฮ่าม 11 ราย, คลัสเตอร์ตลาดรวมโชค 4 ราย, คลัสเตอร์นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ 2 ราย และคลัสเตอร์บริษัทเกเบี้ยนโปรดักส์ไทยแลนด์ 1 ราย ขณะเดียวกัน ผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้าพบเพิ่ม 70 ราย ขณะที่การระบาดในครอบครัวยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 11 ราย จาก 5 ครอบครัว ทั้งนี้ พบว่าอำเภอที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ 96 ราย ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่อยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 65 ราย, อำเภอแม่ริม 27 ราย, อำเภอสันทราย 26 ราย, อำเภอดอยสะเก็ด 16 ราย และอำเภอสารภี 16 ราย
พร้อมกันนี้ ขอแจ้งให้ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปร่วมงานกฐินในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 และผู้ที่เดินทางไป “วัดทรายมูลเมือง” ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่าง 14-20 พฤศจิกายน 2564 สังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 14 วัน นับจากวันสัมผัสเสี่ยงวันสุดท้าย หากพบมีอาการผิดปกติให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง หรือที่จุดตรวจเฉพาะกิจศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ
สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เสียชีวิตนั้น วันนี้มีรายงานการเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ทำให้ยอดสะสมเป็น 106 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นชายไทย อายุ 88 ปี มีโรคประจำตัวคือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ปัจจัยเสี่ยงไม่ชัดเจน และมีประวัติการรับวัคซีนครบ 2 เข็ม โดยวันที่ 6 พฤศจิกายนมีอาการไข้ ไอ ตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อ ต่อมามีอาการเหนื่อยมาก กระทั่งวันที่ 19 พฤศจิกายนพบว่าปอดอักเสบรุนแรง ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลงในเวลา 10.14 น.
ขณะที่รายที่สอง เป็นชายไทย อายุ 76 ปี มีโรคประจำตัวคือ ความดันโลหิตสูง ปัจจัยเสี่ยงพบว่าทำงานในพื้นที่ระบาด (คลัสเตอร์กาดต้นลำไย) ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน โดยวันที่ 10 พฤศจิกายนมีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อ วันที่ 17 พฤศจิกายนมีอาการเหนื่อยมากขึ้น ไข้สูง ออกซิเจนในเลือดต่ำ ต่อมาพบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน และติดเชื้อในกระแสเลือด กระทั่งวันที่ 18 พฤศจิกายน ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลงในเวลา 16.25 น.
ส่วนรายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 85 ปี มีโรคประจำตัวคือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และหลอดเลือดหัวใจ ปัจจัยเสี่ยงพบว่าทำงานในพื้นที่ระบาด (เชื่อมโยงคลัสเตอร์กาดเมืองใหม่) ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน โดยวันที่ 24 ตุลาคมมีอาการถ่ายเหลว เจ็บคอ ตรวจ RT-PCR พบว่ติดเชื้อ วันที่ 3 พฤศจิกายนมีอาการเหนื่อยมาก ออกซิเจนในเลือดต่ำ และมีอาการเหนื่อยมากขึ้น กระทั่งวันที่ 16 พฤศจิกายน ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลงในเวลา 18.30 น.