นครปฐม - จับแล้วโจรยกเค้าบ้านเศรษฐีเจ้าของโรงงานในหมู่บ้านดัง อ.สามพราน นครปฐม งัดเซฟขนทรัพย์สินไปกว่า 4 ล้านบาท เป็นจอมเก๋ามืออาชีพ ลงมือคนเดียว ไม่ทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือ แต่ตำรวจกัดไม่ปล่อย สุดท้ายได้หลักฐานหลังคนร้ายไปดาวน์รถรุ่นใหม่ป้ายแดง ถูกรวบคาห้องเช่าที่ปทุมธานี
จากกรณีที่ นางทิพวรรณ ธรรมเสถียร อายุ 69 ปี เจ้าของโรงงานผลิตกระดาษ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งมาซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านปรีชา พุทธมณฑลสาย 4 บ้านเลขที่ 101/431 หมู่ 9 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน ว่า มีคนร้ายเข้ามายกเค้าขณะที่ไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน ได้ทรัพย์สินไปจำนวนมากกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งมีเงินสดกว่า 2 ล้านบาท และเครื่องประดับเพชร ทอง พระเครื่อง ที่อยู่ในตู้เซฟติดผนัง คนร้ายงัดและยกเอาไปเกลี้ยง เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 (ฝ่ายสืบสวน) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.กัมปนาท ณวิชัย ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายยุทธศักดิ์ งามขำ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 230 หมู่ 6 ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 31 8/2560 ลงวันที่ 16 พ.ย. ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน
โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้ให้เป็นทางคนเข้า และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องเช่าใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
พร้อมของกลางที่ยึดได้ คือ รถยนต์เก๋งโตโยต้า อัลติส สีดำเทา ทะเบียน 3 กพ 1247 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุ รถยนต์เก๋งโตโยต้า ครอส สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ก 2669 เพชรบุรี เป็นรถที่คนร้ายเอาทรัพย์สินที่ลักไปขายแล้วนำไปดาวน์รถ 80,000 บาทออกมา จากบริษัทขายรถที่ จ.เพชรบุรี ธนบัตรดอลลาร์ 23 ฉบับ นาฬิกาชาย 2 เรือน แหวนทองคำประดับเพชร 10 วง พระบูชาสมัยสุโขทัย หน้าตัก 9 นิ้ว ประเมินราคาไม่ได้ 1 องค์ เหรียญพระเครื่องดังสะสม 7 เหรียญ กำไลหินหยก 1 เส้น เม็ดบรรจุคล้ายพลาสติก 7 ถุง แว่นขยายส่องพระ 2 อัน ป้ายทะเบียนจำนวน 2 แผ่น หมายเลขทะเบียน 7 กบ 2276 กรุงเทพมหานคร และหมายเลขทะเบียน 1 ขฆ 9971 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นทะเบียนปลอมสวมใส่เวลาออกไปลักทรัพย์สิน กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ และบัตร ATM ของนายยุทธจักร 4 ใบ เสื้อ 3 ตัว กางเกง 2 ตัว กระเป๋าเป้ 1 ใบ ชะแลงงัด 1 อัน และไฟฉายคาดศีรษะ 1 อัน ถุงมือหนังสีดำที่ใช้สวมใส่เวลาเข้าลักทรัพย์เพื่อปิดบังลายนิ้วมือ โดยมี น.ส.จุฬาลักษณ์ ธนานิตยะอุดม อายุ 23 ปี ลูกสะใภ้ของนางทิพวรรณ มาตรวจสอบทรัพย์สินที่ยึดมาได้
ผบช.ภ.7 เปิดเผยถึงการจับกุมครั้งนี้ว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย.64 เวลา 06.00 น. หลังจากที่ สภ.โพธิ์แก้ว ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 101/4 31 ซอย 8 หมู่บ้านปรีชา ถนนพุทธมณฑลสาย 4 หมู่ 9 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท จึงรายงานให้ทราบ และได้มาตรวจที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เรียกตำรวจชุดสืบสวนทั้งหมด ทั้งภาค 7 ภ.จว.นครปฐม และสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ร่วมกันสืบสวน โดยให้หาหลักฐานตรวจสอบกล้องวงจรปิดในทุกจุดที่คาดว่าคนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี เพราะกองพิสูจน์หลักฐานไม่สามารถหาลายนิ้วมือคนร้ายได้ จึงเชื่อว่าคนร้ายรายนี้จะต้องเป็นมืออาชีพ
จากการตรวจสอบประวัติคนร้ายที่ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันของชุดสืบสวน คดีเริ่มคลี่คลาย เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ได้พบกล้องวงจรปิดของชาวบ้านรายหนึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ มีรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีเทา ติดทะเบียนปลอม 7 กบ 2276 กรุงเทพมหานคร ขับมาวนเวียนดูก่อนหน้าเกิดเหตุ 3-4 วัน และในวันเกิดเหตุรถคันดังกล่าวได้มาจอดอยู่ห่างจากบ้านเล็กน้อย มีชายเพียงคนเดียว สวมหมวก ใส่หน้ากากมิดชิด จึงเป็นที่สงสัยและให้ตำรวจชุดสืบสวนตรวจกล้องวงจรปิดตามดูเส้นทางของคนร้ายว่าไปจุดใดบ้าง จนพบว่ารถคันนี้มุ่งหน้าไปเพชรบุรี ไปสิ้นสุดที่ ต.นายาง อ.ชะอำ จึงให้ชุดสืบสวนเฝ้าดูพฤติกรรม พร้อมกับตรวจสอบทะเบียนรถ จนทราบว่า เป็นรถสวมทะเบียนปลอม ซึ่งปรากฏว่าคนร้ายได้ย้ายออกจากเพชรบุรีไปเช่าบ้านอยู่ที่ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี และพบมีรถเก๋งป้ายแดงจอดอยู่ จึงตรวจสอบประวัติซื้อขายจากบริษัทขายรถที่เพชรบุรี จนทราบชื่อว่าผู้ซื้อรถคือ นายยุทธศักดิ์ งามขำ
"เมื่อตรวจสอบประวัตินายยุทธศักดิ์ พบว่า เคยก่อเหตุลักทรัพย์มาหลายพื้นที่ เฉพาะในปี 2546 เดือนตุลาคม ลักทรัพย์ในท้องที่ จ.สมุทรสาคร จ.ราชบุรี และเขตทวีวัฒนา กทม. ได้ทรัพย์สินไปจำนวนมาก และก่อนหน้านี้ยังเข้าลักทรัพย์ในอีกหลายจังหวัด ทั้งในภาค 7 และภาค 1 ทำงานคนเดียว ใช้วิธีงัดจะมีชะแลงติดตัวไปเพียงอันเดียว ใส่ถุงมือเวลาทำงานเพื่อไม่ให้มีลายนิ้วมือติด ถือว่าเป็นความสามารถของตำรวจภาค 7 ที่ตามกัดไม่ปล่อยจนได้ตัวคนร้าย จากนี้ก็จะขยายผลเพื่อติดตามทรัพย์สินกลับคืนเจ้าของให้หมด
ทางด้าน น.ส.จุฬาลักษณ์ ลูกสะใภ้ผู้เสียหายที่มาตรวจทรัพย์สิน เผยว่า ทรัพย์สินที่ตำรวจยึดมาได้เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยังมีทรัพย์สินที่หายไปอีกจำนวนมาก ทั้งเงินสดกว่า 2 ล้าน ทองอีกจำนวนมากหลายรายการ และเครื่องเพชร รวมถึงพระเครื่อง แต่ดีใจที่เห็นตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่จนจับคนร้ายได้ และ ผบช.ภ.7 ยังรับปากอีกว่าจะตามทรัพย์สินที่หายไปมาให้ ทำให้ใจชื้น พร้อมกันนี้ได้มอบกระเช้าให้ตำรวจเพื่อขอบคุณที่ติดตามคดีให้จนจับตัวคนร้ายได้.